สรุปสาระสำคัญ
Salted Caramel สำหรับไอศกรีม🎯 เป้าหมายของสูตรที่ดี
ไม่แข็งในช่องแข็ง (-18°C)
ไม่ตกผลึกแม้เก็บนาน
ใช้สารคงตัว: Xanthan Gum, Inulin
สูตร NAS ควบคุมอุณหภูมิตอนใส่ Xylitol/Maltitol อย่างระวัง
🧪 วัตถุดิบที่ช่วยให้ซอสไม่แข็ง
Inulin → เพิ่ม body และใยอาหาร
Xylitol → หวานใกล้น้ำตาล ไม่เพิ่ม SW จริง
Maltitol → หวานกลาง ช่วยลดจุดเยือกแข็ง
Xanthan Gum → ควบคุมความหนืด ป้องกันแยกชั้น
🧰 เทคนิคสำคัญ
ห้ามคนคาราเมลตอนเคี่ยว (จะตกผลึก)
อุ่นครีมก่อนเติมเสมอ ป้องกันกระเด็น
ช็อกเย็นเร็วในถาดแบน ช่วยคงเนื้อ
Xylitol/Maltitol ใส่ตอนเย็นเท่านั้น (≤70°C)
📌 สูตรที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม
สูตร จุดเด่น เหมาะกับ สูตร 1 กลูโคสไซรัป ใช้วัตถุดิบทั่วไป ทำง่าย สูตร 2 Inulin + XTG เนื้อเนียน สุขภาพดี สูตร 3 Xylitol รสนุ่ม หวานน้อย สูตร 4 XLT + MTT NAS จริงจัง สูตร 5 Plant-Based วีแกน/เลี่ยงนม 🍦 วิธีใช้ในไอศกรีม
เติมซอสลงเบส 5–10%
ซอสควรเย็น <30°C ก่อนผสม
ปรับสูตรเบสให้บาลานซ์ความหวาน/ไขมัน
การทำซอส Salted Caramel สำหรับใช้ในไอศกรีม ไม่ว่าจะเป็นการราดเป็น "ริ้ว" ภายในเนื้อไอศกรีมหรือใช้เป็นท็อปปิ้งบนหน้าไอศกรีม จำเป็นต้องออกแบบสูตรให้มีคุณสมบัติคงรูป ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิ -18 °C และไม่เกิดการตกผลึกระหว่างการเก็บรักษา บทความนี้นำเสนอ 5 สูตรที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปด้วย
วัตถุดิบในสูตรต่างๆ หาซื้อได้ตามความสะดวกค่ะ แต่ที่ Miss Icecream ก็มีวัตถุดิบที่จะใช้ในสูตรหลายตัว หากสะดวกก็สามารถสั่งซื้อวัตถุดิบต่อไปนี้ได้จาก Miss Icecream ทั้งทาง LINE Official ได้เช่นกัน :
Inulin (INL) – ใยอาหารชนิดละลายน้ำจากธรรมชาติ ใช้เพิ่มความหนืด ลดน้ำตาล เพิ่ม body ให้ซอสและไอศกรีม
Xylitol (XLT) – สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หวานใกล้เคียงซูโครส แต่ให้พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับสูตรสุขภาพและ No added sugar (NAS)
Maltitol (MTT) – ให้ความหวานระดับกลาง ช่วยเพิ่มความหนืด ลดจุดเยือกแข็ง ใช้คู่กับ XLT เพื่อควบคุมรสและเนื้อสัมผัส เหมาะสำหรับสูตรสุขภาพและ No added sugar (NAS)
Xanthan Gum (XTG) – สารทำให้คงตัวประเภทไฮโดรคอลลอยด์ทรงพลัง ช่วยปรับความหนืด ป้องกันการแยกชั้น และรักษาเสถียรภาพของซอสเมื่อแช่เย็นหรือแช่แข็ง
กลิ่นวานิลา (VN) – วานิลลาบัตเทอร์หอมนวล สูตรเฉพาะของ Miss Icecream เข้ากับซอสคาราเมลและไอศกรีมได้ดี
กลิ่นคาราเมล (CM) – หากต้องการให้เนื้อไอศกรีมมีกลิ่นคาราเมลด้วย แนะนำให้ใช้กลิ่นคาราเมลเติมเสริมลงไปเล็กน้อยเพื่อความหอมชัดเจนโดยไม่ต้องผสมคาราเมลลงในเนื้อไอศกรีมมากจนกลายเป็นรสหวานจัดมากเกินไป
สอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ LINE: @missicecream
หม้อสแตนเลสก้นหนา (ควรมีขอบสูงเพื่อป้องกันการกระเด็นของคาราเมล ก้นหนาจะกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ และรักษาอุณหภูมิให้คงที่ได้นาน ลดโอกาสที่ความร้อนจะพุ่งเป็นจุดๆ หรือเปลี่ยนแปลงฉับพลัน)
พายซิลิโคนทนความร้อน
เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลแบบหัวแหลม (วัดความแม่นยำได้รวดเร็ว)
ถาดสแตนเลสแบน สำหรับเทคาราเมลเพื่อลดอุณหภูมิเร็ว
พัดลมตั้งโต๊ะ (ใช้เป่าช็อกเย็น)
ตราชั่งดิจิทัลละเอียด ±0.1 g
ถ้วยทนร้อนหรือหม้อสำหรับอุ่นครีม
ตะแกรงกรอง (ถ้ามี Xanthan จะกรองก่อนบรรจุก็ได้)
การทำคาราเมลใช้อุณหภูมิสูงถึง 190 °C ซึ่งร้อนกว่าน้ำเดือดเกือบสองเท่า หากกระเด็นถูกผิวหนังจะทำให้เกิดแผลไหม้รุนแรงได้ทันที
ควรสวมเสื้อแขนยาวและเตรียมชามน้ำแข็งไว้ใกล้ตัวเสมอ หากถูกคาราเมลร้อนกระเด็นใส่ ให้จุ่มบริเวณนั้นลงในน้ำแข็งทันที หรือใช้น้ำแข็งประคบทันที เพื่อลดอุณหภูมิและป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อ
ห้ามคนคาราเมลระหว่างต้มเด็ดขาด ให้ใช้วิธีเอียงหม้อหรือหมุนเบาๆ เพื่อกระจายความร้อน (การคนระหว่างต้มจะกระตุ้นให้เกิดจุดเริ่มต้นของการตกผลึก ทำให้ทั้งหม้อกลายเป็นคาราเมลตกผลึกหยาบอย่างใช้ไม่ได้ การเอียงหม้อจะช่วยให้ความร้อนกระจายตัวโดยไม่รบกวนโครงสร้างของน้ำตาล)
ควรอุ่นครีมก่อนเสมอ (อุณหภูมิ 50–60°C) การเทครีมเย็นลงในคาราเมลร้อนจะทำให้เกิดการเดือดฟูและกระเด็นรุนแรง อาจทำให้บาดเจ็บได้
ซอสมีลักษณะข้นหนืดปานกลาง กลิ่นคาราเมลชัดแบบคลาสสิกจากน้ำตาลทรายเคี่ยว รสหวานพอดี สีทองเข้ม ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งราด ริ้ว หรือผสมในไอศกรีม จุดเด่นคือเสถียรสูงและใช้วัตถุดิบพื้นฐาน ทำง่ายแต่ได้ผลลัพธ์มืออาชีพ
สูตร:
น้ำตาลทราย: 350 g
กลูโคสไซรัป (DE42): 120 g
น้ำ: 50 g
วิปปิ้งครีม 36% (อุ่นก่อนใช้): 300 g
เนยเค็ม: 120 g
เกลือ: 5 g
วานิลลา: 2 g (สามารถใช้ได้ตามชอบ โดยเลือกใช้กลิ่นวานิลลาแบบทนความร้อน หรือใส่หลังปิดไฟเพื่อรักษากลิ่นหอม)
วิธีทำ:
ชั่งน้ำตาลทรายและกลูโคสไซรัปลงในหม้อ ใส่น้ำ แล้วตั้งไฟกลาง (ไม่ต้องคนในช่วงนี้ เพราะอาจทำให้เกิดการตกผลึกได้ ใช้การเอียงหรือหมุนหม้อเบา ๆ แทนหากต้องการช่วยกระจายความร้อน)
เคี่ยวจนได้สีคาราเมลเข้ม (อุณหภูมิ 185–190 °C) โดยห้ามคนระหว่างต้ม เพื่อป้องกันการเกิดผลึก (หากต้องการขยับเนื้อคาราเมล ให้ใช้วิธีเอียงหม้อเบาๆ แทนการใช้พาย)
ปิดไฟ รอให้อุณหภูมิลดลงเหลือ 110–115 °C แล้วค่อย ๆ เติมครีมอุ่นทีละส่วน แบ่งเป็น 3–4 รอบ (ประมาณรอบละ 75–100 กรัม) คนให้เข้ากันดีในแต่ละรอบก่อนใส่ครั้งถัดไป เพื่อป้องกันการกระเด็น ฟอง และการแยกชั้นของไขมัน
เติมเนย เคี่ยวต่อถึง 114 °C เพื่อให้ซอสหนืดพอเหมาะ
ปิดไฟ รอให้ลดอุณหภูมิเหลือไม่เกิน 60–70 °C แล้วใส่เกลือและวานิลลา คนให้เข้ากัน
เทลงถาดแบน ช็อกเย็นเร็วให้ต่ำกว่า 40 °C ภายใน 10 นาที โดยสามารถใช้ไม้พายหรือช้อนคนเบา ๆ ระหว่างเย็นตัว เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างสม่ำเสมอและลดโอกาสการเกิดผลึก (หลีกเลี่ยงการคนแรงหรือเร็ว เพราะอาจทำให้เกิดฟองอากาศหรือการจับผลึกบนผิวหน้าได้)
หลักการ:
Glucose Syrup ช่วยลดการตกผลึกและเพิ่มของแข็งทั้งหมด (Total Solid) ทำให้ซอสไม่แข็งในช่องแข็ง
การช็อกเย็นเร็วช่วยคงสภาพเนื้อสัมผัส
เนื้อซอสแน่นและหนืดขึ้นกว่าสูตร 1 เล็กน้อย เนื้อเนียนละเอียด ไม่แยกชั้นแม้แช่เย็นนาน กลิ่นคาราเมลชัดเพราะยังใช้น้ำตาลทราย จุดเด่นคือไม่มีกลูโคสไซรัป ซึ่งมักจะมีปัญหาในการหาซื้อให้ได้ชนิดที่มี DE ถูกต้องตามสูตร (เพราะส่วนใหญ่คนขายไม่ทราบค่า DE) และมีใยอาหารจากอินูลิน ช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพ
สูตร:
Inulin (DP14): 40 g
Xanthan Gum (XTG): 2 g
น้ำ: 60 g
น้ำตาลทราย: 350 g
วิปปิ้งครีม (ไขมัน 36-38%): 300 g (อุ่นก่อนใช้)
เนยเค็ม: 120 g
เกลือ: 5 g
วานิลลา: 2 g
วิธีทำ:
ชั่ง Inulin + Xanthan Gum รวมกัน แล้วค่อยละลายในน้ำอุณหภูมิ 60–70 °C บนไฟอ่อน คนนานพอให้ละลายหมดและเนียน ไม่มีเม็ด
ใส่น้ำตาลทรายลงไป เคี่ยวไฟกลางจนได้สีคาราเมลเข้ม (อุณหภูมิ 185–190 °C) โดยไม่คน เพื่อป้องกันการเกิดผลึก (อาจใช้วิธีเอียงหม้อเบาๆ หากต้องการกระจายความร้อน)
ปิดไฟ รอให้อุณหภูมิลดลงเหลือ 110–115 °C แล้วค่อย ๆ เติมครีมอุ่น (50–60 °C) แบ่งเป็น 3–4 รอบ (ประมาณรอบละ 75–100 กรัม) คนให้เข้ากันดีในแต่ละรอบก่อนใส่ครั้งถัดไป เพื่อป้องกันการกระเด็น ฟอง และการแยกชั้นของไขมัน
เติมเนย คนจนเนียน แล้วนำกลับขึ้นไฟอ่อน เคี่ยวต่อถึง 114 °C
ปิดไฟ รอให้ลดลงเหลือไม่เกิน 60–70 °C ใส่เกลือและวานิลลา คนให้เข้ากัน
เทใส่ถาดแบน ช็อกเย็นเร็ว < 40 °C ภายใน 10 นาที โดยใช้พัดลมช่วย และคนเบา ๆ ได้ระหว่างเย็นตัว (หลีกเลี่ยงการคนแรงหรือเร็ว เพราะอาจทำให้เกิดฟองอากาศหรือการจับผลึกบนผิวหน้าได้)
หลักการ:
Xanthan เสริมความหนืดให้ Inulin ช่วยให้เนื้อเนียนและไม่แยกชั้น ช่วยป้องกันผลึกน้ำตาล และเพิ่มเสถียรภาพเมื่อแช่เย็น/แช่แข็ง
ซอสกลมกล่อม รสไม่หวานแหลม เนื้อไม่เหนียวเกินไป กลิ่นไหม้อ่อนจากการเคี่ยวน้ำตาล เหมาะกับสายสุขภาพที่ยังต้องการสัมผัสของน้ำตาลเล็กน้อย สูตรนี้ลดความหวานลงประมาณ 30% จากสูตรปกติ
สูตร:
Inulin (DP14): 30 g
Xanthan Gum (XTG): 2 g
น้ำ: 40 g
น้ำตาลทราย: 150 g
วิปปิ้งครีม 36% (อุ่นก่อนใช้): 300 g
เนยเค็ม: 120 g
Xylitol: 100 g
เกลือ: 5 g
วานิลลา: 2 g
วิธีทำ:
ผสม Inulin + Xanthan Gum เข้าด้วยกัน แล้วละลายในน้ำร้อน (60–70 °C) คนจนเนียนดี
เติมน้ำตาลทรายลง เคี่ยวจนเป็นคาราเมลสีเข้ม (185–190 °C) โดยไม่คน เพื่อป้องกันการเกิดผลึก (หากจำเป็น ให้หมุนหม้อหรือเอียงเบาๆ แทนการใช้พาย)
ปิดไฟ รอให้อุณหภูมิลดลงเหลือ 110–115 °C แล้วเติมครีมอุ่นทีละรอบ แบ่งเป็น 3–4 รอบ (ประมาณรอบละ 75–100 กรัม) คนให้ละลายดีในแต่ละรอบก่อนใส่ครั้งถัดไป
เติมเนย คนให้เข้ากันดี เคี่ยวต่อถึง 114 °C แล้วปิดไฟ
รอให้ลดลงเหลือ 60–70 °C จึงเติม Xylitol, เกลือ และวานิลลา คนให้เข้ากัน (ห้ามเติมตอนร้อนจัด)
เทใส่ถาดแบน แล้วช็อกเย็นทันที โดยเป่าพัดลมช่วยลดอุณหภูมิ และคนได้เบา ๆ ระหว่างเย็น (หลีกเลี่ยงการคนแรงหรือเร็ว เพราะอาจทำให้เกิดฟองอากาศหรือการจับผลึกบนผิวหน้าได้)
หลักการ:
Xylitol ตกผลึกง่าย → ต้องใส่ตอนอุณหภูมิลดลง และใช้ Xanthan ช่วยเพิ่มเสถียรภาพ
สูตรนี้ ของแข็งโดยรวม (Total Solid) พอเหมาะ รสหวานลดลงจากสูตรปกติประมาณ 30% (คำนวณจากความหวานรวมของส่วนผสม ไม่ใช่แค่น้ำตาลทราย) แต่ยังให้สัมผัสหนืดที่ดี
ซอสเนื้อหนืดดี รสคาราเมลกลมกล่อม หอมไหม้นวลๆ คล้ายคาราเมลจริงแม้ไม่มีน้ำตาลทรายเลย กลิ่นและสีได้จากเทคนิค Hybrid Caramel จุดเด่นคือเหมาะสำหรับคนที่ต้องการสูตร No Added Sugar จริงจัง
สูตร:
Inulin (INL): 30 g
Xanthan Gum (XTG): 2 g
น้ำ: 40 g
เนยจืด: 100 g (แยกไว้ 20–30 g สำหรับขั้นตอนแรก)
วิปปิ้งครีม 36% (อุ่นก่อนใช้): 300 g
Maltitol Syrup Solid (MTT): 220 g
Xylitol (XLT): 80 g
เกลือทะเล: 5 g
วานิลลา: 2 g
วิธีทำ:
ผสม Inulin + Xanthan Gum ให้เข้ากัน แล้วละลายในน้ำ พร้อมเนย 20–30 g เคี่ยวบนไฟกลางถึงประมาณ 140–150 °C โดยระหว่างเคี่ยวสามารถเอียงหม้อเบาๆ เป็นระยะเพื่อป้องกันการไหม้เฉพาะจุด ไม่ควรใช้พายคน แม้ Inulin จะละลายน้ำได้ง่าย แต่หากใช้ความร้อนสูงเกินหรือกวนแรงในช่วงที่เริ่มละลาย อาจทำให้จับตัวเป็นก้อนหรือเกาะหม้อได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ร่วมกับไขมันร้อนจัด หรือเนยที่ไหม้เร็ว และเสี่ยงเกิดผลึกในภายหลัง เมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่กำหนดจะมีกลิ่นหอมไหม้อ่อน (Hybrid caramel)
พอเริ่มเปลี่ยนสี → ลดไฟให้อุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 120–125 °C แล้วเติมครีมอุ่น + เนยที่เหลือ แบ่งครีมใส่เป็น 3–4 รอบ (รอบละ ~75–100 กรัม) คนให้ละลายเนียนในแต่ละรอบก่อนเติมครั้งถัดไป
ปิดไฟ ปล่อยให้อุณหภูมิลดลงเหลือ ≤70–75 °C แล้วค่อยๆ เท Maltitol (MTT) เป็นสายบางๆ ลงขณะคนเบาๆ ให้ละลายจนเนียน หลีกเลี่ยงไม่ให้ MTT สัมผัสกับผิวหม้อโดยตรง หรือจุดร้อนเฉพาะจุด
หากจำเป็นต้องเคี่ยวต่อหลังจากเติม MTT ให้ใช้ไฟอ่อนที่สุด หรืออุ่นแบบ double boiler โดยคนตลอดเวลา
ใส่ Xylitol, เกลือ และวานิลลา คนให้เข้ากันดี เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 70 °C
เทใส่ถาดบาง ๆ แล้วช็อกเย็นทันที โดยใช้พัดลมเป่าและคนเบาๆ ได้หากจำเป็น (หลีกเลี่ยงการคนแรงหรือเร็ว เพราะอาจทำให้เกิดฟองอากาศหรือการจับผลึกบนผิวหน้าได้)
หลักการ:
ไม่มีน้ำตาลทราย → ต้องใช้เทคนิค Hybrid caramel เพื่อสร้างกลิ่นไหม้แบบธรรมชาติ (Toasty/Nutty flavor) ซึ่งใกล้เคียงกับกลิ่นคาราเมลมากๆ เทคนิคนี้คือการเคี่ยวส่วนผสมอื่น (อินูลิน, ไขมันจากเนย/เนยโกโก้) ที่อุณหภูมิสูงพอประมาณ (140–150 °C)
MTT และ XLT ไม่ทนความร้อนสูง → ใส่ตอนอุณหภูมิลดลงเท่านั้น
Xanthan + Inulin ช่วยให้เนื้อสัมผัสข้น ยืด หนึบ โดยไม่แข็งในช่องแข็ง
เนื้อซอสเนียนนุ่ม มีกลิ่นหอมมันจากกะทิและเนยโกโก้ รสหวานน้อยแต่กลมกล่อม ใช้ Hybrid Caramel เช่นเดียวกับสูตร 4 แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์จากนมเลย เหมาะสำหรับกลุ่ม vegan หรือผู้ที่ต้องการเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์โดยสิ้นเชิง
สูตร:
Inulin (INL): 30 g
Xanthan Gum (XTG): 2 g
น้ำ: 40 g
เนยโกโก้: 20 g + น้ำมันรำข้าว: 80 g (แบ่งบางส่วนไว้เคี่ยวกับอินูลิน)
กะทิเข้มข้น (25% ไขมัน) อุ่นก่อนใช้: 300 g
Maltitol Syrup Solid (MTT): 220 g
Xylitol (XLT): 80 g
เกลือทะเล: 5 g
วานิลลา: 2 g
วิธีทำ:
ผสม Inulin + Xanthan Gum ให้เข้ากัน แล้วละลายในน้ำพร้อมเนยโกโก้ 10 g และน้ำมันรำข้าว 20 g เคี่ยวบนไฟกลางถึงประมาณ 140–150 °C โดยระหว่างเคี่ยวสามารถเอียงหม้อเบาๆ แทนการคน เพื่อช่วยกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอและป้องกันการไหม้เฉพาะจุด โดยไม่ควรใช้พายคน เพราะอาจทำให้เกิดการจับตัวของ Inulin หรือเนยที่ไหม้เร็ว และเสี่ยงเกิดผลึกในภายหลัง เมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่กำหนดจะมีกลิ่นหอมไหม้อ่อน (Hybrid caramel)
ลดไฟให้อุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 120–125 °C แล้วเติมกะทิอุ่น + ไขมันที่เหลือ แบ่งกะทิใส่เป็น 3–4 รอบ (รอบละ ~75–100 g) คนให้ละลายเนียนในแต่ละรอบก่อนเติมครั้งถัดไป
ปิดไฟ รอให้อุณหภูมิลดลง ≤70–75 °C แล้วค่อยๆ เท Maltitol (MTT) เป็นสายบางๆ ขณะคนเบาๆ ให้ละลาย
หากต้องเคี่ยวต่อ ให้ใช้ไฟอ่อนที่สุด หรืออุ่นแบบ double boiler โดยคนตลอดเวลา
ใส่ Xylitol, เกลือ และวานิลลา เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 70 °C แล้วคนให้เข้ากันดี
เทใส่ถาดแบนแล้วช็อกเย็นทันที โดยใช้พัดลมเป่า และคนเบาๆ ได้หากจำเป็น (หลีกเลี่ยงการคนแรงหรือเร็ว เพราะอาจเกิดฟองหรือผลึกบนผิวหน้าได้)
หลักการ:
ไม่มีผลิตภัณฑ์จากนม → ใช้ไขมันพืชที่ให้กลิ่นรสนัวกลมกล่อมแทน
ไม่มีน้ำตาลทราย → ต้องใช้เทคนิค Hybrid caramel เพื่อสร้างกลิ่นไหม้แบบธรรมชาติ (Toasty/Nutty flavor) ซึ่งใกล้เคียงกับกลิ่นคาราเมลมากๆ เทคนิคนี้คือการเคี่ยวส่วนผสมอื่น (อินูลิน, ไขมันจากเนย/เนยโกโก้) ที่อุณหภูมิสูงพอประมาณ (140–150 °C)
การควบคุมอุณหภูมิต่ำช่วยถนอมรสหวานของ MTT และ XLT
Xanthan + Inulin คงโครงสร้างให้เนื้อสัมผัสข้น หนืด ยืด และไม่แข็งในช่องแข็ง
ปกติซอสคาราเมลควรใช้ราดเป็นริ้วหรือราดเป็น Topping ตกแต่งในถ้วยไอศกรีมที่พร้อมเสิร์ฟ แต่ซอสคาราเมลจากสูตรในบทความนี้ยังสามารถนำไปผสม “ลงในเนื้อไอศกรีมโดยตรง” ได้ด้วย หากต้องการให้ไอศกรีมมีรสคาราเมลกลมกล่อมทั่วทั้งเนื้อ ไม่ใช่แค่ผิวหน้า
เติมซอสคาราเมลลงในเบสไอศกรีมประมาณ 5–10% ของน้ำหนักเบส
เช่น ถ้ามีเบส 1000 g → ใช้ซอส 50–100 g
ซอสควรเย็น (<30 °C) และผสมเข้ากับเบสก่อนปั่นหรือพาสเจอร์ไรส์
ซอสที่ใช้ | วิธีปรับสูตรเบส |
---|---|
สูตร 1–2 (น้ำตาลปกติ) | ลดน้ำตาลทรายในเบสลง 5–10% เช่น จาก 160 g → เหลือ 145 g |
สูตร 3 (หวานน้อย) | ลดน้ำตาลทรายในเบส 3–5% ก็พอ |
สูตร 4–5 (NAS) | ลด Xylitol/Maltitol หรือ Inulin ลงรวมกัน ~5–8% จากเบสเดิม |
อย่าใช้ซอสเกิน 10% ของน้ำหนักเบสโดยไม่คำนวณค่า Freezing Point Depression (FP) และ Sweetness (SW) ใหม่
หากต้องการรสคาราเมลชัด แนะนำใช้กลิ่นคาราเมล (CM) เสริมเล็กน้อย เพื่อเพิ่มมิติกลิ่น
สูตร | หวาน | ใช้ในไอศกรีม | ไม่ตกผลึก | ไม่แข็งใน -18°C | มี XTG เพิ่มเติม |
1. ปกติ + Glucose Syrup | ✔✔✔ | ✔ | ✔ | ✔✔✔ | ไม่จำเป็น |
2. ปกติ + Inulin | ✔✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
3. ลดหวาน (XLT) | ✔ | ✔ | ✔ (ต้องคุมดี) | ✔ | ✔ |
4. NAS (XLT + MTT) | ปานกลาง | ✔✔ | ✔✔ | ✔✔✔ | ✔ |
5. Plant-Based NAS | ปานกลาง | ✔✔ | ✔✔ | ✔✔✔ | ✔ |
สูตร | อายุในตู้เย็น (4°C) | อายุในช่องแข็ง (-18°C) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
สูตร 1 (กลูโคสไซรัป) | 2 สัปดาห์ | 2–3 เดือน | ควรปิดฝาให้สนิทเพื่อป้องกันการระเหยน้ำ |
สูตร 2 (Inulin + XTG) | 2 สัปดาห์ | 2–3 เดือน | ไม่แข็งในฟรีซ แต่เนื้อจะหนืดแน่นขึ้นเล็กน้อย |
สูตร 3 (หวานน้อย XLT) | 1–2 สัปดาห์ | 1–2 เดือน | หากเก็บนานอาจเริ่มมีการตกผลึกจาก Xylitol |
สูตร 4 (NAS XLT + MTT) | 1 สัปดาห์ | 1 เดือน | ห้ามให้ MTT โดนความร้อนซ้ำขณะอุ่นใหม่ |
สูตร 5 (Plant-Based NAS) | 1 สัปดาห์ | 1 เดือน | ไม่ควรแช่แข็งซ้ำหลายรอบ อาจแยกชั้นได้ |
คำแนะนำทั่วไป:
ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท เช่น ขวดแก้วหรือกล่องสูญญากาศ
หากต้องการใช้งานแบบ squeeze bottle ให้เลือกแบบซิลิโคน หรือ PET ที่ทน -20°C
ก่อนนำออกใช้จากช่องแข็ง ให้ตั้งทิ้งในตู้เย็น 6–12 ชม. หรือวางที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 นาที
ห้ามให้ MTT โดนความร้อนสูงขณะอุ่นใหม่ แนะนำให้สูตรที่มี MTT ใช้การอุ่นโดยการแช่ขวดในน้ำอุ่น (40-50 °C) แทน
สูตรคาราเมลที่ดี ต้องคู่กับวัตถุดิบที่ดี
วัตถุดิบสำคัญในบทความนี้ เช่น Inulin, Xylitol, Maltitol, Xanthan Gum, กลิ่นวานิลา และกลิ่นคาราเมล ล้วนสามารถสั่งซื้อได้จาก Miss Icecream พร้อมคำแนะนำการใช้งานอย่างมืออาชีพ
และถ้าคุณอยากเรียนรู้ลึกกว่านี้ มีทีมงานช่วยดูแลให้คำปรึกษาอย่างใส่ใจหลังการเรียน ติดต่อสอบถามมาได้นะคะ
🔗 ดูวัตถุดิบทั้งหมดที่เรามีได้ที่ : missicecream.com/category
🔗 ดูรายละเอียดคลาสเรียนไอศกรีม: missicecream.com/p/2
หน้าที่เข้าชม | 1,160,243 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ต.ค. 2568 |