✅ สรุปสาระสำคัญ
Sugar-Free = ผลิตภัณฑ์ที่มี “น้ำตาลรวมไม่เกิน 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค”
รวมถึงน้ำตาลจากธรรมชาติ (เช่น จากนมหรือผลไม้) และน้ำตาลที่เติม
✅ ใช้ได้: สารให้ความหวานที่ไม่จัดเป็นน้ำตาล เช่น Sucralose, Stevia, Polyols (Erythritol, Xylitol, Maltitol)
❌ ไม่ได้: ถ้ามีน้ำตาลรวม > 0.5 g/serving แม้ไม่ได้เติมน้ำตาล
No Added Sugar = ไม่เติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานที่มีพลังงานระหว่างกระบวนการผลิต
✅ ยังคงมีน้ำตาลจากวัตถุดิบธรรมชาติได้ (เช่น ฟรักโทสจากผลไม้ หรือแลคโตสจากนม)
❗แต่ควรแสดง “น้ำตาลรวม” อย่างชัดเจน เพื่อความโปร่งใส
❗️จุดที่พลาดกันบ่อย:
เติม Dextrose / น้ำอ้อย / น้ำผึ้ง / น้ำผลไม้เข้มข้นที่เติมน้ำตาล = ❌ เคลม No Added Sugar ไม่ได้
ใช้ กล้วยสุก / อินทผลัม / มะม่วง เพื่อความหวานหลัก = ✅ เคลมได้ถ้าไม่เติมน้ำตาลเพิ่ม แต่ควรใส่หมายเหตุหรือดอกจัน (*) อธิบาย
📌 ข้อควรจำ:
Sugar-Free = น้ำตาลรวม ≤ 0.5 กรัม/หน่วยบริโภค (ตามกฎหมาย)
No Added Sugar = ไม่เติมน้ำตาลระหว่างผลิต แต่ยังมีน้ำตาลธรรมชาติได้
ฉลากที่ดี = ถูกกฎหมาย + ไม่ทำให้คนเข้าใจผิด โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาล
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายและเปรียบเทียบความหมายของคำว่า "Sugar-Free" และ "No Added Sugar" อย่างละเอียดในบริบทของผลิตภัณฑ์ไอศกรีม โดยครอบคลุมทั้งหลักเกณฑ์ทางกฎหมายของประเทศไทยและมาตรฐานสากล พร้อมยกตัวอย่างส่วนผสมที่มักใช้ผิดในการเคลมฉลาก เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้อง และผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อสุขภาพได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการลดน้ำตาลในอาหารและขนมหวาน เช่น ไอศกรีม ทำให้มีการใช้คำว่า Sugar-Free และ No Added Sugar บนฉลากสินค้าอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดและเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับเป้าหมายด้านสุขภาพได้
ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Sugar-Free ตามมาตรฐานขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) และหน่วยงานความปลอดภัยอาหารแห่งยุโรป (European Food Safety Authority: EFSA) ต้องมีปริมาณน้ำตาลรวมทั้งหมด (Total Sugars) ทั้งจากแหล่งที่เติมและแหล่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่เกิน 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (per serving)
เกณฑ์นี้รวมถึงน้ำตาลประเภทโมโนแซคคาไรด์และไดแซคคาไรด์ เช่น กลูโคส (Glucose), ฟรักโทส (Fructose), ซูโครส (Sucrose), มอลโทส (Maltose) และแลคโตส (Lactose) โดยไม่แยกแหล่งที่มา ซึ่งหมายความว่าหากมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ในส่วนประกอบ เช่น ผลไม้หรือผลิตภัณฑ์นม ก็จะต้องนับรวมในปริมาณน้ำตาลรวมด้วย
อย่างไรก็ตาม สารให้ความหวานที่ไม่จัดเป็นน้ำตาลตามนิยาม เช่น น้ำตาลแอลกอฮอล์ (Sugar Alcohols) และสารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงาน เช่น Stevia หรือ Sucralose สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ประเภท Sugar-Free ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ส่งผลต่อการนับปริมาณน้ำตาลรวมตามเกณฑ์ที่กำหนด
น้ำตาลแอลกอฮอล์ หรือที่เรียกว่ากลุ่มโพลิออล (Polyols):
เป็นสารให้ความหวานที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับน้ำตาลและแอลกอฮอล์ มีรสหวานใกล้เคียงกับซูโครสแต่ให้พลังงานต่ำกว่า และมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำมาก จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว น้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่:
อิริทริทอล (Erythritol): ให้พลังงานเกือบเป็นศูนย์ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร และเหมาะกับผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ไซลิทอล (Xylitol): มีรสหวานใกล้เคียงซูโครส ใช้ในหมากฝรั่งและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก
มอลทิทอล (Maltitol): นิยมในขนมหวานและช็อกโกแลตที่ปราศจากน้ำตาล
ซอร์บิทอล (Sorbitol), ลักทิทอล (Lactitol) และแมนิทอล (Mannitol): ใช้ในลูกอม ยาเม็ด และผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ
การเลือกใช้ชนิดของน้ำตาลแอลกอฮอล์ต้องพิจารณาทั้งความหวาน ความเสถียร และผลต่อระบบย่อยอาหารของผู้บริโภคในปริมาณการใช้งานจริง
หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เติมน้ำตาล (Added Sugars) ระหว่างกระบวนการผลิต ซึ่งรวมถึงการไม่เติมน้ำตาลทราย (Sucrose), กลูโคสไซรัป (Glucose syrup), ฟรักโทสไซรัป (Fructose syrup), น้ำผึ้ง (Honey), น้ำผลไม้เข้มข้น (Fruit juice concentrates) หรือสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มีพลังงานอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ยังอาจมีน้ำตาลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (Naturally Occurring Sugars) อยู่แล้วในวัตถุดิบ เช่น ฟรักโทสจากผลไม้ หรือแลคโตสจากนมหรือโยเกิร์ต ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการเติมน้ำตาลในทางกฎหมายและสามารถใช้ข้อความ "ไม่เติมน้ำตาล" ได้
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับการใช้ข้อความ "ไม่เติมน้ำตาล" และ "ไม่มีน้ำตาล" ไว้ในข้อบังคับฉลากโภชนาการ โดย:
คำว่า "ไม่มีน้ำตาล" (Sugar-Free) ต้องหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลไม่เกิน 0.5 กรัมต่อ 100 กรัม หรือ 100 มิลลิลิตร (ซึ่งแตกต่างจากข้อกำหนดของสากลที่กำหนดไว้เป็นต่อหนึ่งหน่วยบริโภค)
คำว่า "ไม่เติมน้ำตาล" (No Added Sugar) สามารถใช้ได้ในกรณีที่ไม่มีการเติมน้ำตาล หรือสารให้ความหวานที่มีพลังงาน เช่น กลูโคส (Glucose), น้ำผึ้ง (Honey), หรือไซรัปต่าง ๆ (e.g., glucose syrup, high fructose corn syrup) ระหว่างกระบวนการผลิต (ซึ่งข้อกำหนดนี้สอดคล้องกับกฎหมายสากลของ FDA และ EFSA)
ทั้งนี้ ผู้ผลิตยังต้องแสดงฉลากโภชนาการอย่างถูกต้อง และหากใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล จำเป็นต้องระบุชื่อและปริมาณของสารนั้นบนฉลากอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
ในการพิจารณาการใช้ข้อความ "No Added Sugar" (ไม่เติมน้ำตาล) มีประเด็นที่ควรให้ความสำคัญในการใช้น้ำผลไม้ ซอสผลไม้ หรือส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีความหวานเป็นวัตถุดิบ ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
การใส่เดกซ์โตรส (Dextrose): น้ำตาลเดกซ์โตรส (หรือน้ำตาลกลูโคส) แม้จะมีรสหวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายและถูกใช้เพื่อควบคุมเนื้อสัมผัสในไอศกรีม แต่ยังถือเป็นน้ำตาลตามนิยามทางกฎหมาย หากเติมลงในสูตร ไม่สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ ซึ่งมีหลายกรณีที่ผู้ผลิตเข้าใจผิดและใช้คำเคลมนี้โดยไม่ทราบว่าเดกซ์โตรสก็จัดเป็นน้ำตาลเติมเพิ่ม (Added sugar)
อัลลูโลส (Allulose): เป็นน้ำตาลโมโนแซคคาไรด์ที่มีพลังงานต่ำ และมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยมาก จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่า "Sugar-Free" หรือ "No Added Sugar" ได้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย อัลลูโลสยังไม่ถูกระบุไว้ในบัญชีสารให้ความหวานที่ได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนภายใต้ประกาศ อย. จึงควรหลีกเลี่ยงการเคลม "No Added Sugar" หากมีการใช้อัลลูโลสจนกว่าจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานกำกับดูแล
การใช้น้ำผลไม้กล่องที่มีการเติมน้ำตาลมาแล้วในกระบวนการผลิต: ไม่สามารถใช้ข้อความ "No Added Sugar" ได้ เนื่องจากมีการเติมน้ำตาลระหว่างการผลิตของน้ำผลไม้ แม้ว่าผู้ผลิตไอศกรีมจะไม่ได้เติมน้ำตาลเพิ่มเติมในการทำไอศกรีมก็ตาม
การใช้น้ำผลไม้กล่องที่ผลิตจากน้ำผลไม้เข้มข้น โดยไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานอื่น ๆ ระหว่างการผลิต: สามารถเคลม "No Added Sugar" ได้ เพราะถือว่าน้ำตาลที่ปรากฏเป็นน้ำตาลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากผลไม้ และไม่ได้มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติม
การใช้ซอสผลไม้เข้มข้น (Fruit Sauce or Fruit Purée Concentrate): ต้องตรวจสอบวัตถุดิบและกระบวนการผลิตอย่างละเอียด หากซอสผลไม้ดังกล่าวไม่ได้มีการเติมน้ำตาล หรือวัตถุดิบที่มีน้ำตาลเติมเพิ่ม เช่น น้ำผึ้ง หรือไซรัป ก็สามารถเคลม "No Added Sugar" ได้ แต่หากมีการเติมน้ำตาลใด ๆ แม้จะในขั้นตอนก่อนการนำมาใช้ ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็น "ไม่เติมน้ำตาล" ตามเกณฑ์ของกฎหมายอาหาร
การใช้น้ำอ้อย (Sugarcane Juice): แม้น้ำอ้อยจะเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ แต่มีปริมาณน้ำตาลซูโครสสูงตามธรรมชาติและมักถูกใช้แทนน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยพิจารณาว่าการใช้น้ำอ้อยในลักษณะนี้ถือเป็นการเติมน้ำตาลโดยทางอ้อม ดังนั้น ไม่สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ แม้จะไม่ได้เติมน้ำตาลทรายโดยตรงก็ตาม
การใช้น้ำตาลสด (Fresh Sugar Palm Sap) หรือน้ำช่อดอกมะพร้าวสด (Fresh Coconut Blossom Sap): แม้จะเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านการทำให้เข้มข้นหรือแปรรูป แต่มีน้ำตาลซูโครสสูงโดยธรรมชาติ การเติมวัตถุดิบเหล่านี้ลงในผลิตภัณฑ์อาหารถือเป็นการเติมน้ำตาลที่มีพลังงาน จึงไม่สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ตามเกณฑ์ของกฎหมายอาหาร
การใช้น้ำตาลธรรมชาติ เช่น น้ำตาลช่อดอกมะพร้าว (Coconut Blossom Sugar) และน้ำตาลตโนด (Palm Sugar): ไม่สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ เนื่องจากน้ำตาลเหล่านี้จัดเป็นน้ำตาลที่มีพลังงาน และถือว่าเป็นการเติมน้ำตาลโดยตรงในผลิตภัณฑ์ตามนิยามของกฎหมายอาหาร แม้จะมาจากแหล่งธรรมชาติก็ตาม ผู้ผลิตที่ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ควรระบุให้ชัดเจนบนฉลาก และหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการเติมน้ำตาล
การใส่สาร Bulking agent ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เช่น มอลโตเดกซ์ทริน (Maltodextrin): เป็นอีกกรณีที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการใช้ข้อความ "No Added Sugar" โดยมอลโทเดกซ์ทรินเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ได้จากการไฮโดรไลซ์แป้ง (เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง หรือข้าว) แม้ไม่หวานจัดเหมือนน้ำตาล แต่มีโครงสร้างเป็นสายสั้นของกลูโคสซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) สูง และสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว ในประเทศไทยแม้กฎหมายยังไม่จัดให้มอลโทเดกซ์ทรินเป็น "น้ำตาล" โดยตรง จึงสามารถเคลม "No Added Sugar" ได้ในเชิงเทคนิค หากไม่มีการเติมน้ำตาลชนิดอื่นเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตควรแสดงปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลรวมในฉลากอย่างชัดเจน และหลีกเลี่ยงคำโฆษณาที่อาจทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน เข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
ตัวอย่างวัตถุดิบหรือผลไม้อื่นที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติในระดับสูง และควรใช้ความระมัดระวังในการอ้างว่า "ไม่เติมน้ำตาล" ได้แก่:
อินทผลัม (Dates): มีน้ำตาลธรรมชาติเข้มข้น โดยเฉพาะกลูโคสและฟรักโทส แม้สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ในเชิงกฎหมาย หากไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติม แต่หากใช้ในปริมาณสูงเพื่อให้รสหวานหลักในผลิตภัณฑ์ ควรระบุปริมาณน้ำตาลรวมจากวัตถุดิบธรรมชาติให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าปราศจากน้ำตาลทั้งหมด
ลูกเกด (Raisins): เป็นผลไม้อบแห้งที่มีปริมาณน้ำตาลสูงจากการระเหยน้ำ โดยปริมาณน้ำตาลจะเข้มข้นกว่าผลไม้สด แม้สามารถเคลมว่า "No Added Sugar" ได้ในเชิงกฎหมายหากไม่ได้เติมน้ำตาลเพิ่มเติม แต่หากใช้ในปริมาณมากเพื่อให้รสหวานหลักในผลิตภัณฑ์ ควรระบุปริมาณน้ำตาลรวมอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าปราศจากน้ำตาลโดยสิ้นเชิง
กล้วยสุกจัด (Overripe Bananas): มีน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลขณะสุก แม้เป็นแหล่งน้ำตาลธรรมชาติที่ไม่ได้เติมโดยตรง แต่หากใช้ในสูตรเพื่อให้ความหวานหลัก สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ควรระบุปริมาณน้ำตาลรวมอย่างชัดเจนบนฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคไม่เข้าใจผิดว่าปราศจากน้ำตาลทั้งหมด
มะม่วงสุก (Ripe Mango): โดยเฉพาะพันธุ์ที่หวานจัด เช่น น้ำดอกไม้ ให้ฟรักโทสในปริมาณสูง แม้สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ เนื่องจากไม่มีการเติมน้ำตาลโดยตรง แต่ควรระบุปริมาณน้ำตาลรวมจากวัตถุดิบธรรมชาติให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ในสัดส่วนสูงเพื่อให้รสหวาน
น้ำองุ่นหรือน้ำแอปเปิลที่ไม่เติมน้ำตาลแต่มีน้ำตาลธรรมชาติสูง: สามารถเคลมว่าเป็น "No Added Sugar" ได้ในเชิงกฎหมาย หากไม่มีการเติมน้ำตาลระหว่างกระบวนการผลิตหรือการใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากใช้ในปริมาณมากเพื่อให้รสหวานหลักในผลิตภัณฑ์ ควรระบุปริมาณน้ำตาลรวมที่เกิดจากน้ำผลไม้เหล่านี้ให้ชัดเจนบนฉลาก เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้บริโภคว่าไม่มีน้ำตาลเลย
การสื่อสารฉลากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า "Sugar-Free" หรือ "No Added Sugar" ไม่เพียงต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาเรื่องจริยธรรม (ethics) ด้วย ตัวอย่างที่ดี (Best Practices) เช่น การแสดงปริมาณน้ำตาลรวมจากธรรมชาติอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติมก็ตาม หรือการหลีกเลี่ยงการใช้คำเคลมเกินจริงเมื่อมีการใช้องค์ประกอบที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติในปริมาณสูง เช่น อินทผลัมหรือมะม่วงสุก
กรณีศึกษาหนึ่งที่พบบ่อยคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กล้วยสุกหรืออินทผลัม หรือแม้แต่น้ำผลไม้เข้มข้นหรือซอสผลไม้เข้มข้นที่มีน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณสูง เพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่เคลมว่า "No Added Sugar" โดยไม่มีการชี้แจงปริมาณน้ำตาลรวม ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลเข้าใจผิด แนวปฏิบัติที่เหมาะสมควรเป็นการใช้เครื่องหมายดอกจัน (*) อธิบายว่าแม้ไม่ได้เติมน้ำตาล แต่มีน้ำตาลจากวัตถุดิบธรรมชาติ และควรแสดงปริมาณน้ำตาลรวมอย่างชัดเจนบนฉลากโภชนาการ
ในทางจริยธรรม แม้การใช้คำว่า "ไม่เติมน้ำตาล" จะถูกต้องตามกฎหมายในบางกรณี ผู้ผลิตควรตั้งคำถามว่า ข้อความบนฉลากให้ภาพสะท้อนที่ตรงกับคุณค่าทางสุขภาพที่ผู้บริโภคคาดหวังหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะเบาหวานหรือควบคุมระดับน้ำตาล การเลือกใช้ถ้อยคำ การจัดวางฉลาก และการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ควรยึดหลักโปร่งใส ซื่อสัตย์ และมีเจตนาส่งเสริมความเข้าใจ ไม่เพียงเพื่อความถูกต้องทางกฎหมาย แต่เพื่อความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคในระยะยาว
การเข้าใจความหมายที่แท้จริงของ Sugar-Free และ No Added Sugar เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตในการตัดสินใจบริโภคและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอศกรีมให้เหมาะสมกับเป้าหมายด้านสุขภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตควรเน้นความชัดเจนในการสื่อสารกับผู้บริโภค ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ ๆ และคำนึงถึงจริยธรรม (ethics) ในการสื่อสารฉลากอาหาร เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลหรือคุณค่าทางสุขภาพของผลิตภัณฑ์
U.S. Food and Drug Administration (FDA). (2020). Food Labeling Guide.
European Food Safety Authority (EFSA). (2010). Scientific Opinion on Dietary Reference Values for carbohydrates and dietary fibre.
Goff, H. D., & Hartel, R. W. (2013). Ice Cream (7th ed.). Springer.
ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ Sugar-Free และ No Added Sugar เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพื่อสุขภาพที่ดีและการสื่อสารที่ชัดเจนบนฉลาก
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือสนใจเรียนทำไอศกรีม
สามารถติดต่อสอบถาม Miss Icecream ได้เลย!
หน้าที่เข้าชม | 1,157,674 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ก.ย. 2568 |