มาหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ กับการจับผักและสมุนไพรมา Mix & Match สร้างสรรค์ไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่กัน!
Miss Icecream จะพาคุณค้นพบรสชาติใหม่แสนอร่อยจากผักด้วยหลักวิทยาศาสตร์อาหาร พร้อมตัวอย่างไอเดียสูตรเด็ดจากเบสไอศกรีมหลากชนิด รับรองว่าคุณจะเพลิดเพลินกับรสชาติสุดจินตนาการที่อร่อยลงตัวจนลืมไม่ลง!
เมื่อพูดถึง "ไอศกรีมจากผัก" หลายคนอาจเบ้หน้า เพราะกลัวจะเจอกับรสชาติแปลกๆ เขียวๆ ที่ไม่น่าพิสมัย แต่รู้หรือไม่ว่า ผักหลายชนิดนั้นสามารถกลายเป็นไอศกรีมแสนอร่อยได้แบบไม่น่าเชื่อ! วันนี้ Miss Icecream จะมาเปิดโลกใหม่ที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก พร้อมเคล็ดลับจับคู่รสชาติและเลือกเบสที่ใช่ เพื่อเปลี่ยนผักธรรมดาให้กลายเป็นไอศกรีมสุดว้าว!
เหมาะกับผักที่มีเนื้อแน่น หวานมัน เมื่อจับคู่กับกะทิจะช่วยให้รสชาติหวานมันเข้มข้น เนื้อเนียนละมุน และกลิ่นหอมแบบไทยแท้
แนะนำพิเศษ: ฟักทองญี่ปุ่นกะทิใบเตย, เผือกกะทิลูกเดือย, มันม่วงกะทิอัญชัน
เบสนมเหมาะกับผักที่มีรสหวานละมุน กลิ่นไม่แรง เมื่อนำมาทำไอศกรีมจะได้รสชาติที่อ่อนโยน หวานมัน เนื้อสัมผัสครีมมี่และกลมกล่อม
แนะนำพิเศษ: ข้าวโพดหวานนมสดวานิลลา, แครอทนมสดแอปเปิลอบเชย, บีทรูทนมสดเบอร์รี่รวม, บล็อกโคลี่นมสดครีมชีสใบไทม์
เบสนมถั่วเหลืองมีกลิ่นถั่วที่ชัดเจน เหมาะกับผักหรือวัตถุดิบที่มีกลิ่นถั่ว มัน และหอมกลมกล่อม เช่น งาดำ ฟักทอง มันเทศ ที่จะช่วยส่งเสริมกันอย่างดีเยี่ยม
แนะนำพิเศษ: งาดำนมถั่วเหลืองมะพร้าวอ่อน, ฟักทองนมถั่วเหลืองงาขาวคั่ว, มันเทศนมถั่วเหลืองน้ำผึ้ง
เหมาะกับผักที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานหรือกลิ่นหอมสดชื่น เบสโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวสดชื่น ลดกลิ่นเขียว และเสริมรสชาติให้มีความซับซ้อนน่าประทับใจ
แนะนำพิเศษ: พริกหวานแดงโยเกิร์ตราสเบอร์รี่, บีทรูทโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี่, มะระจีนโยเกิร์ตน้ำผึ้งเลมอน
เหมาะกับผักที่มีรสชาติสดชื่น หวานอ่อนๆ เบาๆ กลิ่นไม่ฉุนหรือเขียวเกินไป เชอร์เบทจะทำให้ได้ไอศกรีมเนื้อเบา เย็นสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อน
แนะนำพิเศษ: แตงกวาเชอร์เบทมะนาวมิ้นต์, แครอทเชอร์เบทส้มขิง, ฟักเขียวเชอร์เบทใบสะระแหน่
เหมาะสำหรับผักที่มีน้ำมาก กลิ่นสดชื่น ไม่เน้นครีมมี่ เบสซอร์เบท์ให้รสสัมผัสที่เย็นจัด สดชื่น มีรสเปรี้ยวหรือหวานอมเปรี้ยวที่เหมาะสม
แนะนำพิเศษ: มันแกวซอร์เบท์ฝรั่งมะนาว, โหระพาซอร์เบท์แตงโม, มะระจีนซอร์เบท์แอปเปิลเขียวน้ำผึ้ง
การเปลี่ยนผักเป็นไอศกรีมที่อร่อยกลมกล่อม เกิดจากการผสมผสานที่เหมาะสมและลงตัวทางวิทยาศาสตร์ของรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส โดยอาศัยหลักการสำคัญทางวิทยาศาสตร์อาหาร 3 ประการ ดังนี้:
ผักที่มีปริมาณแป้งและเส้นใยสูง เช่น เผือก มันเทศ และฟักทอง มีโครงสร้างเนื้อที่หนาแน่น เนื่องจากมีปริมาณแป้ง (starch) และใยอาหาร (dietary fiber) ในปริมาณสูง โครงสร้างแป้งเมื่อผ่านความร้อนจะเกิดการเจลาติไนซ์ (gelatinization) ช่วยเพิ่มความหนืดและเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ใยอาหารมีบทบาทในการเสริมโครงสร้างโดยการกักเก็บน้ำ ลดการเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่
การเลือกใช้เบสที่มีไขมันสูง เช่น กะทิหรือนม จะช่วยเพิ่มความครีมมี่ (creaminess) และลดการแข็งตัวเกินไปของไอศกรีม เนื่องจากไขมันจะไปรบกวนการจัดเรียงตัวของโมเลกุลน้ำและลดความสามารถในการรวมตัวกันเป็นผลึกขนาดใหญ่ (ice crystal growth inhibition) ส่งผลให้ไอศกรีมมีเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด นุ่มลิ้น และคงความนุ่มแม้แช่แข็งเป็นระยะเวลานาน (อ้างอิงจาก Goff & Hartel, Ice Cream, 2013; Clarke, The Science of Ice Cream, 2012)
การควบคุมอัตราส่วนของไขมันต่อของแข็งทั้งหมด (fat-to-solids ratio) จะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ได้ไอศกรีมที่มีความสมดุลระหว่างความเนียนนุ่มและเนื้อสัมผัสที่มีความคงตัว
ในทางตรงกันข้าม ผักที่มีปริมาณแป้งต่ำแต่น้ำสูง เช่น แตงกวา ฟักเขียว มันแกว หรือพริกหวาน จะมีเนื้อสัมผัสบางเบาและสดชื่น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับเบสที่มีไขมันน้อยหรือไม่มีเลย เช่น ซอร์เบท์ (sorbet) และเชอร์เบท (sherbet) ผักเหล่านี้สามารถเน้นจุดเด่นด้านความสดชื่นและกลิ่นหอมธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นตัวช่วยในการปรับเนื้อสัมผัส
นอกจากนี้ การจับคู่กับผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์ เช่น มะนาว ส้ม หรือเสาวรส จะช่วยเพิ่มความสดชื่น เสริมมิติของรสชาติ และช่วยปรับ pH ของส่วนผสมให้เหมาะสมกับการควบคุมเนื้อสัมผัสของไอศกรีมไร้ไขมันได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรเสริมด้วยน้ำตาลที่มีคุณสมบัติกดจุดเยือกแข็ง (freezing point depression) สูง เช่น เดกซ์โตรส หรือกลูโคสไซรัป เพื่อป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่
กล่าวโดยสรุป การเลือกเบสควรสัมพันธ์กับลักษณะทางเคมีและโครงสร้างของผัก:
ผักเนื้อแน่น มีแป้งสูง → เบสไขมันสูง เพื่อให้เนื้อสัมผัสเข้มข้น นุ่ม
ผักเนื้อเบา น้ำสูง → เบสไร้ไขมัน เช่น ซอร์เบท์/เชอร์เบท เพื่อเน้นรสสดชื่นบางเบา
หลักการนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์รับประทานไอศกรีมจากผักที่กลมกล่อม และแสดงศักยภาพของวัตถุดิบได้อย่างเต็มที่
กลิ่นเขียว (green notes) ในผัก เช่น แตงกวา บล็อกโคลี่ หรือมะระจีน มักเกิดจากสารประกอบระเหยกลุ่มอัลดีไฮด์ (aldehydes) และสารประกอบกำมะถัน (sulfur compounds) ที่ให้กลิ่นเหม็นเขียวหรือกลิ่นคล้ายหญ้าสด ซึ่งอาจลดทอนความอร่อยของไอศกรีมได้ หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม
การเลือกใช้หลักการจับคู่กลิ่น (Flavor Pairing Science) ที่อาศัยการผสมผสานกลิ่นที่มีความสอดคล้องกันทางเคมี (chemical compatibility) และมีโครงสร้างโมเลกุลใกล้เคียงกัน จะช่วยสร้างสมดุลใหม่ของกลิ่นรส (flavor synergy) ให้เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ขิงที่มีสารระเหยกลุ่มฟีนอลิก (phenolic compounds) จะช่วยกลบกลิ่นอัลดีไฮด์ในผัก ใบสะระแหน่ที่มีเมนทอล (menthol) และสารกลุ่มเทอร์พีนอยด์ (terpenoids) ช่วยลดกลิ่นเขียว และมะนาวที่มีสารระเหยกลุ่มเทอร์พีน (terpenes) จะช่วยเพิ่มความสดชื่น ลดกลิ่นกำมะถันได้ดี เบอร์รี่ต่าง ๆ ก็มีสารกลุ่มเอสเทอร์ (esters) ที่มีลักษณะกลิ่นผลไม้หอมหวาน ทำให้เกิดกลิ่นที่น่าดึงดูดใจและกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
การจับคู่กลิ่นโดยอาศัยหลักการดังกล่าวจะส่งผลให้กลิ่นเขียวลดลง และรสชาติที่ได้มีความซับซ้อน มีมิติ และน่าสนใจยิ่งขึ้น (Moskowitz et al., Sensory and Consumer Research in Food Product Design, 2006; Belitz et al., Food Chemistry, 2009)
ผักส่วนใหญ่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักในปริมาณสูง (high moisture content) ซึ่งมีผลทำให้ไอศกรีมจากผักมีแนวโน้มที่จะเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ได้ง่าย หากไม่มีการควบคุมองค์ประกอบของสารให้ความหวานและของแข็งละลายน้ำอย่างเหมาะสม
ในการผลิตไอศกรีมที่มีคุณภาพดีนั้น จำเป็นต้องบริหารจัดการปริมาณน้ำตาลอย่างละเอียด โดยเฉพาะการเลือกชนิดน้ำตาลที่มีคุณสมบัติในการลดจุดเยือกแข็ง (Freezing Point Depression, FPD) ที่เหมาะสม เช่น เดกซ์โตรส (Dextrose) หรือกลูโคสไซรัป (Glucose Syrup) ซึ่งมีค่า FPD สูง ช่วยลดการแข็งตัวและป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่
นอกจากนี้การเสริมสารที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก เช่น อินูลิน (Inulin) ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มของแข็งละลายน้ำ (Total Solids) ให้สูงขึ้น และช่วยกักเก็บน้ำไว้ในโครงสร้างไอศกรีม ส่งผลให้เนื้อสัมผัสมีความนุ่มละมุนและลดการคืนตัว (retrogradation) ของแป้งได้ด้วย
ทั้งนี้ ปริมาณของแข็งทั้งหมด (Total Solids) ที่เหมาะสมสำหรับไอศกรีมจากผักควรอยู่ระหว่าง 30-40% โดยน้ำตาลควรมีสัดส่วนประมาณ 15-20% เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างความหวาน เนื้อสัมผัส และการละลายที่เหมาะสม (Hartel, Crystallization in Foods, 2001; Goff & Hartel, Ice Cream, 2013)
การอบหรือนึ่งผักก่อนนำมาปั่นเป็นไอศกรีมจะช่วยสลายเซลล์ผัก ลดกลิ่นดิบ และเพิ่มรสหวานผ่านปฏิกิริยา Maillard และการคาราเมลไลซ์ ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างน้ำตาลและกรดอะมิโนที่มีอยู่ในผัก ช่วยให้ไอศกรีมมีความหอมหวานและรสชาติลุ่มลึกขึ้นอย่างชัดเจน (Mottram, 1998, Flavour Formation in Meat and Meat Products)
ด้วยความรู้เหล่านี้ การทำไอศกรีมจากผักจึงเป็นไปได้ไม่ยาก และสามารถสร้างความอร่อยที่น่าประทับใจได้จริง
ได้เวลาเปลี่ยนผักในครัวให้กลายเป็นไอศกรีมแสนอร่อย ด้วยเคล็ดลับและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อาหารที่ Miss Icecream คัดสรรมาให้คุณโดยเฉพาะ!
อย่าลืมแชร์ประสบการณ์ความอร่อยของคุณ และแวะมาชมไอเดียใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Miss Icecream พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในการทำไอศกรีมของคุณเสมอค่ะ!
หน้าที่เข้าชม | 1,154,549 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |