รู้หรือไม่ว่า…ทุเรียนสุกเนื้อดีที่เหลือกินไม่หมด ไม่จำเป็นต้องทิ้งหรือฝืนกินให้จบภายในวันเดียวอีกต่อไป 🥲 เพราะวันนี้ Miss Icecream จะพาคุณไปรู้จักกับการทำ ไอศกรีมทุเรียนแบบวัตถุดิบเดียว ที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใส่อะไรเพิ่ม
ไม่ใช่แค่เก็บทุเรียนไว้กินได้นานขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้ขนมคลีน ๆ เย็นชื่นใจ ที่ทั้งอร่อยและไม่รู้สึกผิดอีกด้วย!
บทความนี้ไม่ใช่แค่สูตร แต่เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจ หลักการทางวิทยาศาสตร์ ที่อยู่เบื้องหลังความอร่อย พร้อมเทคนิคที่ทำให้ไอศกรีมมีเนื้อสัมผัสเนียน ครีมมี่แบบมืออาชีพ
เตรียมเนื้อทุเรียนให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
Single Ingredient Ice Cream คือ ไอศกรีมที่ทำจากวัตถุดิบเพียงชนิดเดียว โดยไม่มีการเติมสารเพิ่มความหวาน ไขมัน หรือสารปรับแต่งเนื้อสัมผัสใดๆ ทั้งสิ้น เป้าหมายของการทำไอศกรีมแบบนี้คือการเน้นรสชาติและคุณสมบัติทางธรรมชาติของวัตถุดิบนั้นๆ อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ มองหาผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
ผลไม้ที่เหมาะจะนำมาทำ Single Ingredient Ice Cream ต้องมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้:
มีปริมาณน้ำตาลธรรมชาติสูง: ช่วยลดจุดเยือกแข็งและป้องกันการเกิดเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่
เนื้อสัมผัสที่ครีมมี่โดยธรรมชาติ: มีไขมันหรือเส้นใยที่ช่วยเพิ่มความเนียนนุ่ม
รสชาติที่เข้มข้น: สามารถให้รสชาติชัดเจนโดยไม่ต้องเติมแต่ง
ตัวอย่างผลไม้ที่เหมาะสม ได้แก่ ทุเรียน กล้วย มะม่วง และอะโวคาโด
การทำไอศกรีมจากทุเรียนแบบ Single Ingredient เน้นความเป็นธรรมชาติและรสชาติแท้ของทุเรียน โดยไม่ใช้ส่วนผสมเพิ่มเติมเช่น นม น้ำตาล หรือสารเติมแต่งใดๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและความยั่งยืน ในบทความนี้เราจะอธิบายหลักการและวิธีการผลิตที่ถูกต้อง พร้อมข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้
ทุเรียน (Durio zibethinus) เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในเนื้อทุเรียน 100 กรัม ประกอบด้วยน้ำ 65%, คาร์โบไฮเดรต 27%, ไขมัน 5%, โปรตีน 1% และใยอาหาร 4% (Wikipedia, 2024) นอกจากนี้ยังมีวิตามิน C, วิตามิน B-complex, โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ไขมันในทุเรียนส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น กรดโอเลอิก ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ
หากคุณเป็นคนที่ ไม่ถนัดกลิ่นทุเรียนแรงจัด แต่ก็ไม่อยากพลาดรสชาติหวานมันของราชาแห่งผลไม้ ไอศกรีมทุเรียนแบบวัตถุดิบเดียวคือ “เวอร์ชันที่ใช่”
เพราะกลิ่นจะ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ จากกระบวนการแช่แข็ง และสัมผัสเย็น ๆ ยังช่วยลดความรู้สึกหนักแน่นของกลิ่นรสลงอีกขั้น
แถมยังเหมาะสุด ๆ กับอากาศร้อน ๆ ในเมืองไทย! เย็น สดชื่น
การเปลี่ยนแปลงกลิ่นรสของทุเรียนหลังการแช่แข็ง: อธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวสูง เนื่องจากประกอบด้วยสารระเหยหลายชนิด เช่น:
Esters: ให้กลิ่นผลไม้หอมหวาน
Thiol compounds (เช่น ethanethiol, methanethiol): ให้กลิ่นฉุนแรงเฉพาะตัว
Ketones และ aldehydes: เสริมโน้ตกลิ่นครีมมี่ หวานนุ่ม
เมื่อนำเนื้อทุเรียนไป แช่แข็ง ที่อุณหภูมิต่ำ (เช่น -18°C) เป็นระยะเวลาหนึ่ง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้:
สารระเหยที่มีโมเลกุลเล็ก โดยเฉพาะ thiols ซึ่งมีกลิ่นฉุนแรง มักจะมีความไม่เสถียรและสามารถสลายหรือถูกดักจับในโครงสร้างผลึกน้ำแข็งได้เมื่อถูกแช่แข็ง
เมื่อรับประทานไอศกรีมในสถานะเย็นจัด ความสามารถในการระเหยของสารกลิ่นจะลดลง ทำให้กลิ่นโดยรวม รู้สึกเบาลง หรือ “ละมุนขึ้น”
กลิ่นที่เคยโดดชัดอาจ “ซอฟต์” ลง ทำให้โน้ตหวานมันของทุเรียนดูโดดเด่นขึ้นมาแทน
ที่อุณหภูมิต่ำ กลไกการรับกลิ่นในโพรงจมูกจะไวต่อกลิ่นน้อยลง โดยเฉพาะกลิ่นฉุน (volatile sulfur compounds)
งานวิจัยใน sensory science พบว่า อาหารเย็นจัดมักถูกประเมินว่ากลิ่นอ่อนกว่า อาหารอุณหภูมิห้อง
หลักการทางวิทยาศาสตร์ของการทำไอศกรีมจากทุเรียน
เนื้อทุเรียนที่สุกมีความเนียนนุ่มและมีไขมันธรรมชาติที่ช่วยสร้างเนื้อสัมผัสที่ครีมมี่โดยธรรมชาติ น้ำตาลในทุเรียนช่วยลดจุดเยือกแข็ง ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่
วัตถุดิบ:
เนื้อทุเรียนสุก 100%
เทคนิคการเลือกทุเรียนที่เหมาะสม:
ควรเลือกทุเรียนที่สุกกำลังดี มีเนื้อสัมผัสนุ่มแต่ไม่เละ
ทุเรียนควรมีกลิ่นหอมชัดเจน ไม่มีร่องรอยของการเน่าเสียหรือเชื้อรา
พันธุ์หมอนทองเหมาะสมที่สุดเนื่องจากมีเนื้อหนา ครีมมี่ รสชาติหวานเข้มข้น และเนื้อสีเหลืองสวยงาม
อุปกรณ์:
เครื่องปั่นความเร็วสูง
ภาชนะสำหรับแช่แข็งที่มีฝาปิด
วิธีทำ:
ปั่นเนื้อทุเรียนให้เนียนละเอียด
เทส่วนผสมลงภาชนะ ปิดฝาให้สนิท
แช่ในช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -18°C อย่างน้อย 4 ชั่วโมง
ก่อนเสิร์ฟพักไอศกรีมไว้ที่อุณหภูมิห้อง 5-10 นาที เพื่อให้เนื้อนุ่มและตักง่าย
ปั่นละเอียดมาก ลดการเกิดผลึกน้ำแข็ง
แช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำมาก (-30°C) ทำให้ผลึกน้ำแข็งมีขนาดเล็ก
นำออกมาปั่นหรือกวนระหว่างการแช่แข็ง ทุกๆ 30 นาที ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก เพื่อเพิ่มความฟูและเนียน
ไอศกรีมทุเรียนแบบ Single Ingredient ควรเก็บที่อุณหภูมิคงที่ -18°C หรือต่ำกว่า โดยทั่วไปจะมีอายุการเก็บรักษาได้นานประมาณ 1-2 เดือน หากอยู่ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิทและไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิระหว่างการเก็บ อย่างไรก็ตาม แม้สามารถเก็บได้นานถึง 3-4 เดือนในทางเทคนิค แต่เนื้อสัมผัสและกลิ่นอาจเสื่อมลงได้ตามเวลา จึงแนะนำให้บริโภคภายใน 1 เดือนเพื่อคงคุณภาพสูงสุด และควรเก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งจากความชื้นภายนอก
การทำไอศกรีมทุเรียนแบบวัตถุดิบเดียวในรูปแบบแท่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและเหมาะกับการรับประทานในแต่ละครั้ง ข้อดีของการใช้พิมพ์ไอศกรีมแท่งเมื่อเทียบกับการแช่แข็งในภาชนะขนาดใหญ่ ได้แก่:
ไอศกรีมแข็งตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากพื้นที่สัมผัสกับความเย็นมีมากกว่า
ง่ายในการแบ่งเก็บและการบริโภค ไม่จำเป็นต้องรอให้ไอศกรีมนิ่มก่อนตัก
สะดวกในการควบคุมปริมาณการบริโภคแต่ละครั้ง
เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งหรือการเสิร์ฟที่สะดวกสบายมากขึ้น
แนะนำให้เลือกใช้พิมพ์ไอศกรีมแท่งที่ทำจากซิลิโคนหรือวัสดุที่สามารถถอดออกได้ง่ายหลังจากแช่แข็ง หรือหากไม่มีพิมพ์ทุเรียน จะใช้ถาดทำน้ำแข็งแทนก็ได้ จะได้ชิ้นไอศกรีมทุเรียนขนาดย่อมลงมาหน่อย แต่ก็ต้องระวังกลิ่นทุเรียนจะติดพิมพ์ล้างออกยาก พอเอาไปทำน้ำแข็งต่อแล้วอาจจะได้น้ำแข็งกลิ่นทุเรียนนะคะ
ข้อควรระวัง
ควบคุมการบริโภคเนื่องจากทุเรียนมีน้ำตาลและไขมันสูง
ผู้มีปัญหาสุขภาพเช่นโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
จากฐานข้อมูล Thai Food Composition Database, Institute of Nutrition, Mahidol University
รายการ | ต่อ 100 g | ต่อ 80 g (1 serving) |
---|---|---|
พลังงาน (kcal) | 147 | 118 kcal |
คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด | 27.1 g | 21.7 g |
น้ำตาลธรรมชาติ (ประมาณ) | 19.5 g | 15.6 g |
ไขมันทั้งหมด | 5.3 g | 4.2 g |
โปรตีน | 1.5 g | 1.2 g |
ใยอาหาร (dietary fiber) | 3.8 g | 3.0 g |
โซเดียม | 2 mg | 2 mg |
โพแทสเซียม | 436 mg | 349 mg |
ไอศกรีมจากทุเรียนแบบ Single Ingredient เป็นทางเลือกสุขภาพที่โดดเด่นด้วยรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน การเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคที่เหมาะสมช่วยให้ได้ไอศกรีมที่มีคุณภาพดีและหอมอร่อย
Wikipedia contributors. (2024). Durian. Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Durian
เห็นไหมคะว่าแค่มี “ทุเรียนดี ๆ” ก็สามารถแปลงร่างให้กลายเป็น ไอศกรีมเพื่อสุขภาพที่ใคร ๆ ก็ทำได้
ไอศกรีมวัตถุดิบเดียวไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือทางเลือกใหม่ของคนที่ใส่ใจทั้งสุขภาพ ความยั่งยืน และความอร่อยแบบไม่ปรุงแต่ง
ถ้าคุณได้ลองทำแล้ว อย่าลืมแชร์ผลงานของคุณบน Facebook หรือ IG นะคะ
หรือหากอยากเรียนรู้สูตรไอศกรีมเชิงลึกแบบมืออาชีพ สามารถติดตามคอร์สของเราได้ที่หน้าเว็บไซต์นี้เลยค่ะ!
📩 มีคำถาม หรืออยากเรียนทำไอศกรีมแบบมืออาชีพ? ทักมาที่ LINE @missicecream ได้ทุกวัน
ขอบคุณที่ร่วมสนุกกับไอเดียสุขภาพดี ๆ จาก Miss Icecream 💛
หน้าที่เข้าชม | 1,159,120 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ก.ย. 2568 |