คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมไอศกรีมกะทิของไทยถึงมักถูกมองว่าควรราคาถูกกว่าไอศกรีมนม? วันนี้ Miss Icecream จะพาคุณเปิดมุมมองใหม่ พร้อมแนะนำแนวทางการยกระดับไอศกรีมกะทิไทยให้กลายเป็นสินค้าระดับพรีเมียม ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความยั่งยืน และการสื่อสารที่มีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างลงตัว
มุมมองราคาของผู้บริโภคไทยต่อไอศกรีมกะทิ กับโอกาสการสร้างมูลค่าใหม่ในตลาดไอศกรีมพรีเมียม
บทนำ
ในตลาดไอศกรีมของไทย "ไอศกรีมกะทิ" ถูกจัดให้เป็นของหวานท้องถิ่นที่มักถูกมองว่าควรมีราคาถูกกว่า "ไอศกรีมนม" ซึ่งมุมมองนี้ฝังรากลึกอยู่ในพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันที่มีการเน้นเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืน และการยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไปสู่ตลาดพรีเมียม ทำให้เกิดโอกาสใหม่ในการเพิ่มมูลค่าของไอศกรีมกะทิให้เทียบเท่าหรือสูงกว่าไอศกรีมนมทั่วไป
มุมมองของผู้บริโภคไทย: เหตุใดไอศกรีมกะทิจึงถูกมองว่าควรราคาถูกกว่า?
ภาพจำจากอดีต
ในอดีต ไอศกรีมกะทิมักถูกขายตามรถเข็นหรือแผงลอยริมถนน ในราคาย่อมเยา ส่งผลให้ผู้บริโภคไทยคุ้นเคยและมีภาพจำว่าไอศกรีมกะทิคือของหวานที่มีราคาถูกและเข้าถึงง่าย ซึ่งแตกต่างจากไอศกรีมนมที่ถูกนำเสนอผ่านร้านแบรนด์ต่างประเทศหรือแบรนด์ไทยที่เน้นตลาดบน
ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบ
ผู้บริโภคทั่วไปมักเข้าใจว่ากะทิเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำกว่านมวัว แต่ในความเป็นจริง กะทิคุณภาพสูง โดยเฉพาะกะทิสดหรือกะทิออร์แกนิกกลับมีราคาสูงมาก และต้นทุนอาจแซงหน้านมสดบางประเภท โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่มีราคาถูก เช่น กะทิกล่องหรือกะทิผง
ภาพลักษณ์ของแบรนด์
แบรนด์ไอศกรีมนมส่วนใหญ่ที่นำเข้าและผลิตในระดับอุตสาหกรรม มักวางตลาดในระดับพรีเมียมพร้อมกับการสื่อสารที่เน้นภาพลักษณ์ทันสมัย ซึ่งต่างจากไอศกรีมกะทิที่ส่วนใหญ่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ท้องถิ่นและดั้งเดิมไว้
กะทิคั้นสดคุณภาพสูงต้องมีการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างเข้มงวดและมีอายุการเก็บรักษาสั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
ทั้งมะพร้าวขูดและกะทิสดเสียง่ายและมีความแตกต่างในแต่ละฤดูกาล สายพันธุ์ของมะพร้าวและการปลูก ทำให้ต้องมีการจัดการวัตถุดิบที่ยุ่งยากกว่า มีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดกว่า
สูตรไอศกรีมกะทิที่เน้นสุขภาพ เช่น แบบ Plant-Based, Vegan หรือ No added sugar จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบทางเลือก เช่น อินูลิน, ไซลิทอล, มอลทิทอล ซึ่งล้วนมีต้นทุนสูงกว่าวัตถุดิบทั่วไป
ปรับภาพลักษณ์ผ่านการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์
ใช้ชื่อที่สื่อถึงคุณภาพและเอกลักษณ์ เช่น "Thai Artisanal Coconut Ice Cream" หรือ "Premium Vegan Coconut Gelato"
พัฒนารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
สร้างรสชาติใหม่ที่เชื่อมโยงกับวัตถุดิบพื้นเมืองที่มีเรื่องราว เช่น ไอศกรีมกะทิมะพร้าวน้ำหอม, ใบเตย-ข้าวเหนียวดำ, หรือรสมังคุด-อัญชัน
เน้นการสื่อสารเชิงสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เป็น Vegan, Plant-based, ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม (No Added Sugar)
ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สร้างประสบการณ์ผ่านการเล่าเรื่อง
ถ่ายทอดเรื่องราวแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เช่น มะพร้าวออร์แกนิกจากเกษตรกรท้องถิ่น ผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อสังคม เพื่อสร้างความผูกพันและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
แม้ว่าผู้บริโภคไทยจำนวนมากยังคงมีภาพจำว่าไอศกรีมกะทิต้องมีราคาถูกกว่าไอศกรีมนม แต่ในบริบทของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและยั่งยืน ผู้ประกอบการสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับไอศกรีมกะทิ และยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ก้าวสู่ตลาดพรีเมียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไอศกรีมกะทิไม่ได้จำเป็นต้องมีราคาถูกเสมอไป เพียงแค่คุณมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ พร้อมสร้างสรรค์และสื่อสารให้ตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่
อยากเริ่มต้นสร้างไอศกรีมกะทิพรีเมียมของคุณเองแล้วหรือยัง? เราพร้อมสนับสนุนทุกความฝันของผู้ประกอบการไอศกรีมไทยค่ะติดต่อเราได้ที่ Miss Icecream
Line@ : @missicecream
หน้าที่เข้าชม | 1,163,675 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |