📌 สรุปสั้น: ทำข้าวเหนียวไม่แข็งในไอศกรีม ทำอย่างไร?
ข้าวเหนียวแข็งหลังแช่แข็ง เพราะแป้งคืนตัว (retrogradation) และน้ำกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
เทคนิคที่ช่วยได้จริงคือ:
1. ใช้อินูลิน 5%
อินูลินดูดน้ำ เก็บความชุ่ม สร้างเจลเคลือบเมล็ดข้าว
ช่วยป้องกันการแข็งตัวและคืนตัวของแป้ง
ต้องคลุกตอนข้าวยังร้อน (~60–70 °C)
2. ใส่น้ำมันมะพร้าว 2-3%
เคลือบเมล็ด ป้องกันการสูญเสียน้ำ
ทำให้ข้าวลื่น นุ่ม ไม่ฝืด ไม่แห้ง
3. ใช้พันธุ์ข้าวเหนียวเมล็ดยาว Amylopectin สูง
เช่น เขี้ยวงู, สันป่าตอง, ลืมผัว
ข้าวเจ้าไม่เหมาะ (แข็งง่าย)
สูตรนี้ใช้ได้ทั้งเป็น topping หรือ ผสมในเนื้อไอศกรีมโดยตรง
เนื้อข้าวจะ “นุ่ม แน่น ไม่หัก” แม้แช่แข็งนาน
การนำข้าวเหนียวมาใช้ในไอศกรีม โดยเฉพาะไอศกรีมกะทิหรือรสไทยต่างๆ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในทั้งตลาดไทยและสากล อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่พบเจอเสมอคือ ข้าวเหนียวที่เคยนุ่มอร่อยกลับกลายเป็นแข็งโป๊กเมื่อถูกแช่แข็งร่วมกับเนื้อไอศกรีม ทำให้ประสบการณ์การกินเสียไปทันที บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุของปัญหานี้ พร้อมเทคนิคทางวิทยาศาสตร์อาหารที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำให้ข้าวเหนียวยังคงนุ่มแม้ในสภาพแช่แข็ง
เมื่อข้าวเหนียวถูกทำให้สุกด้วยความร้อน เช่น การนึ่งหรือการหุง แป้งในเมล็ดข้าวจะเกิดการ gelatinization ซึ่งเป็นกระบวนการที่โมเลกุลแป้ง โดยเฉพาะ amylopectin ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในข้าวเหนียว ดูดซับน้ำและบวมตัวอย่างรวดเร็วในช่วงอุณหภูมิประมาณ 60–80 °C ส่งผลให้โครงสร้างของเมล็ดข้าวคลายตัวและกลายเป็นเนื้อสัมผัสนุ่มเหนียว อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าวเย็นลง โมเลกุลของแป้งที่เคยกระจายตัวในน้ำจะเริ่มกลับมาจัดเรียงตัวใหม่ในลักษณะเป็นผลึกในกระบวนการที่เรียกว่า retrogradation โดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิลดลงสู่ระดับเย็นจัดหรือแช่แข็ง การเรียงตัวนี้จะยิ่งชัดเจนขึ้น น้ำที่เคยอยู่ในเมล็ดข้าวจะเปลี่ยนสถานะเป็นผลึกน้ำแข็ง (ice crystal) ขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งการจัดเรียงตัวของแป้งและการเกิดผลึกน้ำแข็งนี้จะทำให้เนื้อข้าวแข็งแน่น เคี้ยวยาก และสูญเสียเนื้อสัมผัสนุ่มที่เคยมีเมื่อสุกใหม่
ข้าวเหนียวที่ใช้ในไอศกรีมต้องยังคงเนื้อสัมผัสที่ดีแม้ผ่านการแช่แข็ง จุดที่ต้องการคือ "หนุ่บ เคี้ยวได้ ไม่แฉะ ไม่หัก" — ซึ่งหมายถึงเนื้อข้าวที่ไม่แข็งจนเคี้ยวยาก ไม่แฉะเละ และไม่เป็นผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ ข้าวควรเคี้ยวได้ในขณะที่ไอศกรีมมีเนื้อที่นิ่มพอตักทานได้ตามปกติ และที่สำคัญคือต้องมีรสและกลิ่นเป็นกลาง ไม่หวานเลี่ยน ไม่มีกลิ่นกลบรสไอศกรีมหลัก
เทคนิคที่ใช้จึงต้องสามารถคงความชุ่มในเนื้อข้าวและลดการคืนตัวของแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงต้องเหมาะกับการใช้งานทั้งสองแบบ คือ แบบ topping (โรยหน้า) และแบบ mix-in (ผสมลงในเนื้อไอศกรีมโดยตรง) ซึ่งมีเงื่อนไขการแช่แข็งที่ต่างกัน
อินูลินเป็นใยอาหารละลายน้ำที่มีโครงสร้างเป็นโพลิแซ็กคาไรด์ เมื่อละลายในน้ำร้อนจะเกิดเป็นเจลอ่อนที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ดี โดยอินูลินจะทำหน้าที่หลัก 3 ประการในการช่วยให้ข้าวเหนียวไม่แข็งเมื่อแช่แข็ง:
ดูดซับน้ำและสร้างเจล: อินูลินสามารถกักเก็บน้ำไว้ในโครงสร้างเจล ทำให้น้ำไม่กลายเป็นผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ จึงลดความแข็งของข้าวเมื่อแช่แข็ง
ขัดขวางการคืนตัวของแป้ง (retrogradation): อินูลินแทรกอยู่รอบๆ โครงสร้างแป้ง ช่วยลดโอกาสที่โมเลกุลแป้งจะจัดเรียงตัวใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการแข็งตัวหลังเย็น
ต้องคลุกตอนข้าวยังร้อนเท่านั้น: อินูลินจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อคลุกกับข้าวที่ยังมีอุณหภูมิสูง (~60–70 °C) เพราะสามารถเคลือบเมล็ดข้าวและซึมเข้าเนื้อได้อย่างทั่วถึง
หมายเหตุ อินูลินที่มีจำหน่ายทั่วไปมีคุณสมบัติต่างกันมาก ทั้งในด้านความหวาน ความหนืด และความยาวของสายโพลิแซ็กคาไรด์ (degree of polymerization) ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการละลาย การจับน้ำ และความสามารถในการสร้างเจล ในสูตรนี้ เราใช้อินูลินของมิสไอศกรีม (INL) ซึ่งผ่านการคัดเลือกเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ในผลิตภัณฑ์แช่แข็งที่ต้องการเนื้อสัมผัสนุ่ม ชุ่ม และไม่แข็งหลังเย็นตัว
น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวที่มีความเสถียรสูง เหมาะกับการใช้ในผลิตภัณฑ์แช่แข็ง เพราะไม่เหม็นหืนง่ายและไม่แยกชั้น เมื่อคลุกลงบนข้าวที่ยังร้อน (หลังจากคลุกอินูลินแล้ว) น้ำมันจะเคลือบผิวเมล็ดข้าวบาง ๆ ช่วยลดการสูญเสียน้ำ และเพิ่มความลื่นให้เมล็ดข้าวโดยไม่ทำให้ข้าวดูแห้งหรือร่วน
หากใช้ในปริมาณเหมาะสม จะช่วยให้ข้าวมีเนื้อสัมผัสดีโดยไม่ดูมันเยิ้ม อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าวมีหลายประเภท หากต้องการเน้นความเป็นกลางและไม่ให้กลิ่นไปตีกับรสไอศกรีม ควรเลือกชนิดที่ผ่านกระบวนการกำจัดกลิ่น (refined coconut oil) สำหรับน้ำมันมะพร้าวที่เราใช้จะเป็นน้ำมันมะพร้าวออร์แกนิกชนิดผ่านกระบวนการกำจัดกลิ่น (refined organic coconut oil รหัสสินค้า CCR) ซึ่งมีคุณสมบัติไม่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวของมะพร้าว เหมาะสำหรับการใช้งานในสูตรที่ต้องการความเป็นกลางของรส เช่น ข้าวเหนียวที่ผสมในไอศกรีม แต่ถ้าต้องการกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ ก็สามารถใช้แบบ virgin ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ควรใส่น้ำมันหลังจากคลุกอินูลินเรียบร้อยแล้ว และควรใส่ขณะที่ข้าวยังร้อน (60–70 °C) เพื่อให้น้ำมันกระจายและเคลือบผิวข้าวได้อย่างทั่วถึง
ใช่ — พันธุ์ของข้าวเหนียวมีผลโดยตรงต่อทั้งเนื้อสัมผัส ความสามารถในการดูดน้ำ และการตอบสนองต่อการแช่แข็ง ดังนั้นจึงควรเลือกพันธุ์ให้เหมาะกับสูตรที่ต้องการนำไปใช้ในไอศกรีม
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู: เป็นพันธุ์ที่แนะนำที่สุดในสูตรนี้ เพราะมีเมล็ดยาว ผิวใส นุ่ม และดูดน้ำได้ดี คลุกอินูลินและน้ำมันได้ง่าย ไม่แข็งหักง่ายเมื่อแช่เย็น
ข้าวเหนียวสันป่าตอง: เมล็ดยาว เนื้อนุ่ม ดูดน้ำได้ดี มีความเหนียวกำลังดี ใช้แทนเขี้ยวงูได้อย่างราบรื่น
ข้าวเหนียวพันธุ์ดอกคำ: เมล็ดยาว สีขาวใส เนื้อแน่นแต่นุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อหุงสุก เหมาะกับการแช่เย็นเช่นกัน
ข้าวเหนียวลืมผัว: เมล็ดค่อนข้างกลม อมม่วงเล็กน้อย แต่เนื้อเหนียวนุ่ม ดูดน้ำดี ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว เหมาะกับการทำของหวาน
ข้าวเหนียวหอมดอกคำ: คล้ายดอกคำ แต่หอมมากกว่า เนื้อแน่น เคี้ยวมัน ไม่ร่วนง่าย
ข้าวเหนียวเหลืองประจวบ: สีเหลืองนวล กลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อแน่นแต่ไม่แข็ง ใช้ได้ดีในสูตรนี้
ข้าวเหนียวเมล็ดกลม เช่น กข6 หรือพันธุ์อีสาน: เมล็ดแน่นกว่าหรือหนากว่า อาจต้องแช่น้ำนานขึ้น และควรเพิ่มอินูลินหรือเพิ่มน้ำหุงเล็กน้อยเพื่อให้ได้สัมผัสใกล้เคียง
ข้าวเหนียวดำ: เนื่องจากมีเปลือกและเส้นใยมากกว่า ทำให้ดูดน้ำช้ากว่าและแข็งง่ายกว่าหลังเย็น ควรเพิ่มอินูลินเป็น 6% และแช่น้ำนานกว่า 8 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลใกล้เคียงกับข้าวเหนียวขาว
การเลือกพันธุ์ที่มีโครงสร้างเมล็ดบาง ดูดน้ำไว และอุดมด้วย amylopectin เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวเหนียวสันป่าตอง ข้าวเหนียวพันธุ์ดอกคำ หรือข้าวเหนียวพื้นเมืองอื่นที่มีเมล็ดยาว ใส และนุ่ม เช่น ข้าวเหนียวลืมผัว ข้าวเหนียวหอมดอกคำ ข้าวเหนียวเหลืองประจวบ จะช่วยให้สูตรนี้ทำงานได้ดีที่สุด ทั้งในแง่ของการเคลือบเจลอินูลินและการคงความนุ่มหลังแช่แข็ง
แป้งในข้าวประกอบด้วยสององค์ประกอบหลักคือ amylopectin และ amylose ซึ่งมีผลต่อเนื้อสัมผัสของข้าวอย่างชัดเจนหลังการสุกและโดยเฉพาะเมื่อแช่เย็นหรือแช่แข็ง:
Amylopectin มีโครงสร้างแบบสาขาซ้อน (branched) ทำให้เกิดเจลที่นุ่มและหนึบ เหมาะกับเมนูที่ต้องการเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม โดยเฉพาะในภาวะแช่แข็ง เพราะคืนตัวช้ากว่าและกักเก็บน้ำได้ดี
Amylose มีโครงสร้างเป็นสายตรง (linear) ซึ่งเมื่อเย็นตัวจะจัดเรียงใหม่ได้เร็ว ทำให้ข้าวคืนตัวแข็งได้ง่าย เนื้อข้าวจะแน่น แข็ง และร่วนง่าย
ข้าวเหนียวทั่วไป เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จะมี amylopectin สูงถึง 95–100% และ amylose ต่ำมาก (<5%) จึงเหมาะกับการใช้ในไอศกรีมมากกว่า เพราะไม่แข็งง่ายแม้แช่แข็ง ส่วนข้าวเจ้าซึ่งมี amylose สูง (~20–30%) จะคืนตัวเร็วและแข็งเมื่อแช่เย็น จึงไม่เหมาะสำหรับใช้ในสูตรนี้
ดังนั้น ในบริบทของไอศกรีมและผลิตภัณฑ์แช่แข็งอื่น ๆ การเลือกข้าวพันธุ์ที่มี amylopectin สูงอย่างข้าวเหนียว คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการควบคุมเนื้อสัมผัสให้ยังนุ่มเหนียวแม้หลังแช่แข็ง
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ข้าวเจ้า ก็สามารถทำได้ โดยต้องปรับสูตรดังนี้:
เลือกข้าวเจ้าเมล็ดนุ่ม หรือข้าวเจ้าเก่า ที่มี amylose ไม่สูงมาก
เพิ่มอินูลินเป็น 6–8% ของน้ำหนักข้าว เพื่อช่วยชะลอการคืนตัวของแป้งและกักเก็บน้ำมากขึ้น
ลดปริมาณน้ำหุงเล็กน้อย เพื่อป้องกันการแฉะเมื่ออินูลินดูดน้ำ
ควรบดหรือยีข้าวเจ้าเล็กน้อยหลังหุงในขณะยังร้อน เพื่อให้มีรอยแตกบางส่วน ช่วยให้อินูลินและน้ำมันซึมเข้าได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องบดจนเละ ทั้งนี้เนื้อสัมผัสควรอยู่ในระดับที่ยังรู้สึกถึงเมล็ดข้าวบางส่วนได้ ไม่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด
เหมาะกับเมนูที่ต้องการเนื้อข้าวละเอียด เช่น ไอศกรีมผสมข้าวเจ้า หรือไส้ขนมแช่แข็ง มากกว่าเมล็ดข้าวเต็มเม็ด
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 160 g (แช่น้ำ 4–6 ชม.)
น้ำสำหรับหุง
เกลือป่น 1 g
อินูลิน 8 g (ใช้อินูลินสเปคเดียวกับของมิสไอศกรีม)
น้ำร้อนสำหรับละลายอินูลิน 40–45 g (อุณหภูมิ 70–80 °C)
น้ำมันมะพร้าว 5 g (ใช้น้ำมันมะพร้าวชนิด refined)
นึ่งข้าวเหนียวด้วยหวดจนสุกเต็มที่ หรือหุงด้วยหม้อหุงข้าวที่สามารถหุงข้าวเหนียวได้ โดยใส่น้ำตามที่หม้อแนะนำ พอข้าวสุกแล้วหากนึ่งด้วยหวดไม่จำเป็นต้องพัก 10 นาที แต่ถ้าหุงด้วยหม้อหุงข้าว แนะนำให้ปิดฝาและพักไว้ 10 นาทีเพื่อให้เมล็ดข้าวเซ็ตตัวก่อนคลุกส่วนผสม
ระหว่างรอ ละลายอินูลินและเกลือในน้ำร้อน คนให้ละลายหมด
เทน้ำอินูลินลงบนข้าวที่ยังร้อน (~60–70 °C) เทให้กระจายทั่วๆ อย่าเทลงไปที่จุดใดจุดหนึ่ง คลุกเบาๆ ให้ซึมทั่ว
เทน้ำมันมะพร้าวลงบนข้าว คลุกให้เคลือบผิวเมล็ด
เทข้าวลงถาดแบน พักให้เย็นสนิท พร้อมใช้งาน
Dextrose หรือน้ำตาลทรายสามารถใช้ร่วมกับอินูลินเพื่อเพิ่มความชุ่มและลด freezing point ได้ โดยทั่วไปการเติม Dextrose ประมาณ 2–3% ของน้ำหนักข้าวจะช่วยลดจุดเยือกแข็งและเพิ่มความชุ่มโดยไม่หวานเกินไป ทั้งนี้ หากเติม Dextrose ในสูตรแล้วอาจสามารถลดปริมาณอินูลินลงเล็กน้อย (เช่น จาก 5% เหลือ 4–4.5%) โดยยังได้ผลใกล้เคียงในด้านการควบคุมเนื้อสัมผัส แต่ควรทดลองปรับในปริมาณเล็กก่อนเพื่อความแม่นยำ
หากต้องการใช้กะทิแทนน้ำมันมะพร้าว สามารถใช้หัวกะทิได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องเจือจาง หากควบคุมปริมาณให้ไม่มากเกินไป (ประมาณ 4–5% ของน้ำหนักข้าว) เพื่อให้ได้กลิ่นหอมและความมันโดยไม่ทำให้ข้าวเหนียวเยิ้ม หรือกลบรสชาติของไอศกรีมหลัก
การพ่นน้ำมันมะพร้าวแบบสเปรย์ลงบนข้าว (แทนการคลุก) ช่วยให้เคลือบบาง เบา และกระจายทั่วถึงโดยไม่มันเกินไป เหมาะกับการผลิตในปริมาณมาก
นอกจากอินูลินจะช่วยเรื่องเนื้อสัมผัสแล้ว ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า อินูลินสามารถชะลอการดูดซึมน้ำตาลในระบบทางเดินอาหาร และอาจมีผลช่วยลดค่า GI (Glycemic Index หรือดัชนีน้ำตาลในเลือด) ของอาหารที่มีแป้งสูง เช่น ข้าว ในระดับเล็กน้อย แม้การลดค่า GI จะไม่สูงมากนักในปริมาณ 5% ที่ใช้ในสูตรนี้ และไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนประเภทของอาหารให้เป็นอาหาร GI ต่ำ แต่ก็มีผลเชิงบวกต่อระบบเมตาบอลิซึมโดยรวม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมน้ำตาลหรือเน้นสายสุขภาพ
ที่มิสไอศกรีม เราหุงข้าวให้พนักงานทานกันทุกวัน โดยใช้ข้าวหลากหลายชนิด เช่น ข้าวกล้องสำหรับทีมรักสุขภาพ และข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดุสำหรับผู้ที่ชอบกลิ่นหอมและเนื้อสัมผัสนุ่มพิเศษ เพื่อเพิ่มประโยชน์ทางโภชนาการและพัฒนาสัมผัสของข้าว ทุกครั้งเราจะเติมอินูลินลงไปในหม้อหุงข้าว โดยใช้ในอัตราส่วน 8-10 g ต่อข้าวดิบ 1 ถ้วยตวง (ประมาณ 160 g) คนให้ละลายในน้ำสำหรับหุงข้าว ก่อนการหุงตามปกติ
ผลที่ได้คือข้าวที่พนักงานชอบมากขึ้น เป็นข้าวสุกที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มแน่น ออกเหนียวเล็กน้อยคล้ายข้าวใหม่ มีความเงาเล็กน้อยจากเจลอินูลิน และที่สำคัญคือมีแนวโน้มลดค่า GI ได้เล็กน้อยในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ควบคุมน้ำตาล แม้จะไม่มากพอให้จัดเป็นข้าว GI ต่ำแต่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการบริโภคประจำวัน ดังนั้นหากใครมีอินูลินของมิสไอศกรีมสำหรับทำไอศกรีมอยู่แล้ว ลองแบ่งมาใส่หม้อหุงข้าวที่บ้านดูได้นะคะ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารในชีวิตประจำวันอย่างง่ายๆ แต่อย่าเติมอินูลินมากเกินไป เพราะอินูลินมีความสามารถในการดูดน้ำสูง หากใส่ในปริมาณมากเกินโดยไม่ปรับสูตรน้ำตาม อาจทำให้น้ำในระบบไม่เพียงพอสำหรับให้แป้งในเมล็ดข้าวเกิด gelatinization อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เนื้อข้าวแข็งกระด้างได้ จึงควรใช้ในอัตราที่เหมาะสม เช่น 5–6% ของน้ำหนักข้าวเพื่อลดค่า GI สูงสุดโดยข้าวยังไม่แข็ง หรือประมาณ 2.5–4% หากใช้ในข้าวหุงทั่วไปเพื่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ทดลองหุงดูก่อน และถ้าข้าวนิ่มหรืแข็งไปก็สามารถปรับสูตรน้ำหุงให้สอดคล้องได้ เนื่องจากข้าวเก่าและข้าวใหม่อาจจะต้องการน้ำไม่เท่ากัน
ทำไมคลุกแล้วข้าวแฉะเกินไป?
อาจเกิดจากการใส่น้ำละลายอินูลินมากเกินไป หรือข้าวที่นึ่งมามีความชื้นสูงอยู่แล้ว ควรลดปริมาณน้ำลงเล็กน้อย หรือพักให้ข้าวระอุสักครู่ก่อนคลุก
ถ้าไม่มีน้ำมันมะพร้าว ใช้น้ำมันชนิดอื่นได้หรือไม่?
ได้ แต่ควรเลือกน้ำมันที่ไม่มีกลิ่นแรง (neutral oil) เช่น น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันคาโนล่า เพื่อไม่ให้กลิ่นไปรบกวนรสไอศกรีม และควรเป็นน้ำมันที่ไม่ขุ่นหรือแข็งตัวง่ายเมื่อแช่เย็น
ใส่อินูลินมากเกินไปจะเป็นอะไรไหม?
อินูลินมีความสามารถในการดูดน้ำสูง หากใส่มากเกินโดยไม่ปรับสูตรน้ำ อาจไปแย่งน้ำที่จำเป็นต่อการ gelatinization ของแป้ง ส่งผลให้เนื้อข้าวแข็งกระด้าง ควรใช้ในอัตราที่แนะนำคือ 4–5% สำหรับแช่แข็ง หรือ 2.5–3% สำหรับข้าวหุงทั่วไป
เก็บข้าวเหนียวที่ผสมแล้วได้นานแค่ไหน?
หากเก็บในภาชนะปิดสนิทและแช่แข็งทันที สามารถเก็บไว้ได้นาน 1–2 เดือน โดยเนื้อสัมผัสยังคงดี
1. ข้าวเหนียวคลุกน้ำอินูลินสำหรับขนมไทยแช่แข็ง
เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน, ข้าวเหนียวเปียกลำไย, หรือข้าวเหนียวมูนกะทิ ที่ต้องเก็บในช่องฟรีซแต่ยังต้องการเนื้อสัมผัสดีเมื่ออุ่นหรือละลาย
2. ใช้ในไส้ขนมแช่แข็ง
เช่น ข้าวเหนียวไส้กล้วยแช่แข็ง ขนมเปี๊ยะข้าวเหนียวลาวา หรือข้าวเหนียวถั่วดำในขนมโมจิ โดยผสมอินูลินก่อนห่อ เพื่อให้เนื้อข้าวยังนุ่มแม้แช่นาน
3. ไอศกรีมข้าวเหนียวแนวใหม่
ผสมข้าวเหนียวลงในเนื้อไอศกรีมแทนที่จะวางเป็น topping เช่น ไอศกรีมรสน้ำกระทิ+ข้าวเหนียว+งาคั่ว หรือรสใบเตย+ข้าวเหนียวดำ
4. ข้าวเหนียวพร้อมรับประทานแบบแช่แข็ง (Ready-to-Eat)
ใช้เทคนิคนี้ในการพัฒนาสินค้าข้าวเหนียวแช่แข็ง เช่น ข้าวเหนียวมูนบรรจุถ้วย, ข้าวเหนียวหมูฝอย, หรือแพ็กข้าวเหนียวกับไอศกรีมในบรรจุภัณฑ์เดียว
5. ข้าวหุงอินูลินสำหรับร้านอาหารสุขภาพ
ไม่เพียงแต่ในไอศกรีม แต่เทคนิคเดียวกันนี้สามารถใช้ในครัวร้านสุขภาพ เพื่อลดค่า GI ของข้าวมื้อหลักในเมนูประจำวัน
การใช้อินูลินร่วมกับน้ำมันมะพร้าวในการเตรียมข้าวเหนียว โดยเฉพาะในสูตรที่ใช้กับข้าวเหนียวพันธุ์มี amylopectin สูงสำหรับแช่แข็ง ช่วยให้ได้เนื้อข้าวที่นุ่ม ชุ่ม ไม่แข็ง ไม่ร่วน และยังรักษารสชาติให้กลมกลืนกับไอศกรีมได้ดี เหมาะสำหรับการใช้ทั้งในรูปแบบ topping และผสมในเนื้อไอศกรีมโดยตรง เทคนิคนี้สามารถประยุกต์ใช้ในระดับร้าน หรือผลิตเชิงอุตสาหกรรมได้ทันที
Rayan, A., et al. (2023). Effect of Inulin from Different Sources on the Glycemic Index and Postprandial Blood Glucose in Humans: A Systematic Review. Journal of Functional Foods, 104, 105583.
Putri, L., et al. (2023). Glycemic index and glycemic response of rice cooked with FiberCreme (inulin-containing fat substitute). Indonesian Food Science and Technology Journal, 6(1), 47–53.
หากคุณเป็นคนทำไอศกรีมที่ต้องการผลลัพธ์มืออาชีพ ติดต่อขอคำแนะนำจาก Miss Icecream ได้เลย
🔗 เว็บไซต์: missicecream.com
📱 LINE: @missicecream | ☎️ โทร: 088-205-8205
📘 Facebook: MISSiCREAM
หน้าที่เข้าชม | 1,156,729 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 16 ก.ย. 2568 |