การตั้งราคาขายไอศกรีมเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของธุรกิจไอศกรีมควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมโฮมเมด, ไอศกรีมสุขภาพ หรือไอศกรีมพรีเมียม การตั้งราคาที่ถูกต้องช่วยให้ธุรกิจเติบโตมั่นคง และลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
วัตถุดิบ เช่น นมสด, น้ำตาล, ผลไม้สด, สารคงตัว
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ถ้วยไอศกรีม, ช้อน, ค่าบรรจุภัณฑ์, ค่าไฟฟ้า
ค่าแรงพนักงาน เช่น ค่าจ้างรายวันหรือรายเดือนของพนักงาน รวมถึงค่าแรงเจ้าของ (ถ้าทำงานด้วยตัวเอง)
ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าร้าน, ค่าเสื่อมเครื่องทำไอศกรีมและตู้แช่, ค่าอุปกรณ์ต่างๆ
ตัวอย่างการคำนวณ:
สมมุติวัตถุดิบ (นม, น้ำตาล, ผลไม้ ฯลฯ) ต้นทุน 30,000 บาทต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้วย, ช้อน, บรรจุภัณฑ์, ค่าไฟ) รวม 20,000 บาท
ค่าแรงพนักงาน (ค่าจ้างพนักงานรวมเจ้าของร้าน) 15,000 บาท
ค่าใช้จ่ายคงที่ (ค่าเช่าร้าน 15,000 บาท, ค่าเสื่อมอุปกรณ์ 10,000 บาท) รวม 25,000 บาท
รวมต้นทุนทั้งหมดคือ 30,000 + 20,000 + 15,000 + 25,000 = 90,000 บาทต่อเดือน หากผลิตได้ 2,500 ถ้วย ต้นทุนเฉลี่ยต่อถ้วยคือ 36 บาท
ไอศกรีมทั่วไป: กำไรประมาณ 30-50%
ไอศกรีมพรีเมียมหรือไอศกรีมสุขภาพ (เช่น ไม่มีน้ำตาล, ใช้วัตถุดิบพิเศษ): กำไร 50-100%
ตัวอย่างเช่น หากต้นทุนคือ 36 บาทต่อถ้วย และต้องการกำไร 60% ราคาขายควรประมาณ 58 บาท
ตัวอย่างเช่น ร้านคู่แข่งขายถ้วยละ 59 บาท คุณอาจตั้งราคาที่ 65-69 บาท หากสามารถชูจุดเด่นชัดเจนได้
วัยรุ่น นักศึกษา: ราคาย่อมเยา เน้นขายปริมาณมาก เช่น 59-69 บาท
คนวัยทำงาน ครอบครัว: ราคาปานกลาง เน้นคุณภาพ เช่น 69-79 บาท
กลุ่มพรีเมียมและสุขภาพ: ราคาสูง เน้นคุณภาพพิเศษ เช่น 79-100 บาทขึ้นไป
การตั้งราคาขายที่ดีคือการสมดุลระหว่างต้นทุน กำไร และความพึงพอใจของลูกค้า หากคุณทำได้ถูกต้อง รับรองว่าไอศกรีมของคุณจะมียอดขายดี สร้างรายได้และเติบโตอย่างมั่นคงแน่นอน!
หน้าที่เข้าชม | 1,154,554 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |